เมื่อกระแสลมหนาวพัดมา แม้เพียงบางเบา ก็พาให้เราเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองที่กำลังมาเยือน ช่วงเวลาที่อบอุ่นหัวใจที่สุดของปีได้กลับมาอีกครั้ง ณ พีค็อกอัลลีย์ (Peacock Alley) เลานจ์ของโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok) พื้นที่ที่ทุกอย่างช้าลงอย่างสง่างาม ภายใต้เพดานสูงโปร่ง แสงธรรมชาติที่หล่นลงมาอย่างนุ่มนวล และนาฬิกาเรือนใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ พร้อมชมวิวกรุงเทพมหานครอีกมุมในแบบที่สวยที่สุด

Festive Afternoon Tea ในปีนี้ถูกถ่ายทอดผ่านแนวคิดที่อยากให้ “คริสต์มาส” เป็นความสุขที่สัมผัสได้จริง ผ่านสีที่สดใส รสที่อบอุ่น และความทรงจำที่คุ้นเคยซึ่งเชื่อมโยงกับความหรูหราในแบบร่วมสมัย ทุกองค์ประกอบล้วนจัดวางอย่างตั้งใจ ให้แต่ละคำเป็นเหมือนบทสนทนาระหว่างความทรงจำในอดีตกับปัจจุบัน เสิร์ฟอย่างละเมียดละไมบนภาชนะที่มีเอกลักษณ์ ราวกับยกฤดูหนาวของยุโรปมาไว้กลางกรุงเทพฯ และเมื่อมองลึกไปในรายละเอียดของความประณีตนั้น จะได้พบกับ เชฟอันเดรีย โนลี (Chef Andrea Noli) Executive Pastry Chef ผู้อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์ประสบการณ์ครั้งนี้ ด้วยความสามารถในการตีความวัตถุดิบให้เป็นอารมณ์ ผ่านรสชาติที่ละเอียดและสุนทรีย์ ทุกชิ้นงานจึงเสมือนเป็นศิลปะที่มอบให้ทั้งดวงตาและลิ้นได้ชื่นชม

จากความละเมียดในแนวคิดและตัวตนของเชฟ เมื่อมาถึงการเสิร์ฟของคาว เซตก็ถูกนำเสนอในจานขนาดใหญ่ราวกับเปิดกล่องของขวัญที่รอให้ค้นพบทีละชั้น เริ่มจาก Twinkle Mille Feuille ที่ท็อปด้วยคาเวียร์ Ossetra และซาวร์ครีมแบบนุ่มละมุน ตามด้วย Tuna Treasure Box ที่นำปลาทูน่ารมควันมาจับคู่กับดาชิกัมมี่เพื่อสร้างรสสัมผัสที่ลุ่มลึก และ Cranberry Glow Tartlet ที่ผสานไก่งวง ทรัฟเฟิล และแครนเบอร์รี่ไว้อย่างลงตัว ให้รสชาติที่ทั้งอบอุ่น สดใส และได้ฟีลคริสต์มาสอย่างแท้จริง


พลาดไม่ได้กับ La Fiesta Tapas ที่สร้างสมดุลระหว่างความเค็มละมุนของเซอร์ราโนแฮมกับชีส และความหวานตามธรรมชาติของเมล่อนและองุ่นได้อย่างสง่างาม ก่อนเปลี่ยนจังหวะไปสู่ความสนุกแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนผ่าน Christmas Coastal Roll โรลกุ้งแดงอาร์เจนตินาบนบรีโอชเนื้อนุ่มหอมกลิ่นบิสก์เฉพาะตัว และปิดท้ายด้วยรอยยิ้มจาก Snow Man Bun ซาลาเปาเกาลัดและฟัวกราส์ในรูปน้องสโนว์แมนที่ทั้งน่ารัก อบอุ่น และน่าจดจำ เป็นของขวัญเล็ก ๆ ที่สร้างความสุขตั้งแต่ยังไม่ได้ลิ้มลอง


ความสุขค่อย ๆ เคลื่อนเข้าสู่บทของของหวาน เราจึงได้พบกับ Toasted Christmas Treat ที่เชฟนำ Panettone ขนมปังคริสต์มาสของอิตาลี มาตีความใหม่อย่างมีเสน่ห์ พร้อมเข็น Trolley มาประกอบและเสิร์ฟต่อหน้าเพื่อมอบประสบการณ์ทั้งภาพและกลิ่นในช่วงเวลาหนึ่งเดียวอันแสนพิเศษ ก่อนจะต่อเนื่องด้วย Silent Night Ball และ White Winter Bloom ซึ่งถูกนำเสนอในรูปแบบ Ornament วางบนแท่นสีขาวอันละเมียดละไม ราวกับชวนให้เราย้อนนึกถึงช่วงเวลาแห่งการประดับต้นคริสต์มาสอย่างอบอุ่น




เรื่องราวแห่งรสชาติยังคงดำเนินต่ออย่างละเมียดละไมกับ Spiced Eggnog Delight ที่อบอวลด้วยเครื่องเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของช่วงเทศกาล ตามด้วย Rudolph’s Treat ที่นำคริสต์มาสเค้กพุดดิ้งมาทำให้นุ่มละลายในปากอย่างน่าประทับใจ ต่อด้วย Chestnut Claus ที่ใช้มูสเกาลัดถ่ายทอดบรรยากาศของฤดูหนาวอย่างสง่างาม และบทส่งท้ายแสนอบอุ่นอย่าง Christmas Stollen ที่เสิร์ฟมาอุ่น ๆ พร้อมกลิ่นเนยและเครื่องเทศที่โอบกอดความทรงจำของคริสต์มาสไว้อย่างงดงาม





เพื่อเติมเต็มบทสนทนาแห่งรสชาติ เครื่องดื่มที่จับคู่มากับเซตก็ถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ทั้งกาแฟสูตรเฉพาะ ชาที่อบอวลด้วยความหอมอุ่น และม็อคเทลที่ออกแบบภายใต้กลิ่นอายของเทศกาล ทุกแก้วเหมือนถูกวางให้เป็นดนตรีประกอบที่ช่วยขับเน้นความประทับใจของมื้อบ่ายนี้ได้อย่างพอดี

นี่คือ Festive Afternoon Tea ที่ควรมาสัมผัสด้วยตนเองสักครั้งในซีซั่นนี้ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงชุดน้ำชา แต่มันคือบทบันทึกแห่งความสุขที่ถ่ายทอดผ่านรสชาติ อารมณ์ และรายละเอียดที่ละเมียดละไม ณ พีค็อกอัลลีย์ (Peacock Alley) โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok) ให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569 เวลา 12.00–17.00 น. ราคา 3,000++ บาท สำหรับ 2 ท่าน หรือ 4,500++ บาท พร้อมแชมเปญ 2 แก้ว และยังมีแบบ gift box ที่เหมาะสำหรับเป็นของขวัญสุดพิเศษสำหรับ 1 ท่าน ในราคา 2,200 บาทสุทธิอีกด้วย

Peacock Alley
- Location: ชั้น UL โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok)
- Opening Hours: ทุกวัน เวลา 12.00 – 17.00 น.
- Reservations: 02 846 8888 หรือ [email protected]







