- ‘ซูห์ริง’ ร้านอาหารเยอรมันร่วมสมัย คว้ารางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ เป็นร้านที่สองในไทย ต่อจาก ‘ศรณ์’ นอกจากนี้ ยังมีร้านติดอันดับ ‘สองดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้น 2 ร้าน (เลื่อนระดับทั้ง 2 ร้าน) และ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้น 7 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 3 ร้าน และเลื่อนระดับ 4 ร้าน)
- ปีนี้เป็นปีแรกของไทยที่มีการมอบรางวัลพิเศษ MICHELIN Guide Mentor Chef Award ให้กับเชฟผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการอาหารผ่านการทุ่มเทมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้และทักษะที่สั่งสมมาให้กับเชฟรุ่นใหม่
- ‘โกท’ ร้านอาหารไทยร่วมสมัย ได้รับ MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” เพิ่มอีก 1 ร้าน ทำให้มีร้านอาหารในหมวดนี้ รวมทั้งสิ้น 5 ร้าน
ในงานเปิดตัวคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 (The MICHELIN Guide Thailand 2026) มิชลินได้ประกาศรายชื่อร้านอาหารที่คว้ารางวัล ‘ดาวมิชลิน’ และรางวัลพิเศษอื่น ๆ โดยคู่มือฉบับนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 468 แห่ง เป็นร้านที่ได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ 2 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘สองดาวมิชลิน’ 1 ร้าน), ‘สองดาวมิชลิน’ 8 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 2 ร้าน), รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 33 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 3 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 4 ร้าน), รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 137 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 13 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 288 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 50 ร้าน)
เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก กล่าวว่า “ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับผู้มองหาประสบการณ์ด้านอาหารที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการและความแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายด้าน คู่มือฉบับนี้ครอบคลุมประเภทอาหารมากขึ้น…สะท้อนถึงความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งในแวดวงอาหารของไทยซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง นอกจากนี้ จำนวนร้านระดับดาวมิชลินที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายด้านอาหารที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นบนเวทีโลก”
ภาพรวมของแนวโน้มและทิศทางวงการอาหารของไทย
มร.ปูลเล็นเนค เปิดเผยว่า ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ พบว่าเชฟชาวต่างชาติเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยนำพลังสร้างสรรค์และมุมมองที่เป็นสากลมาสู่วงการอาหาร ขณะเดียวกันยังผสมผสานวัตถุดิบและขนบธรรมเนียมท้องถิ่นในการรังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ขณะที่เชฟชาวไทยมีบทบาทในการยกระดับอาหารท้องถิ่นด้วยการขับเน้นรสชาติประจำภูมิภาคให้ชัดเจนและโดดเด่นขึ้น
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างเชฟกับผู้ผลิตรายย่อยยังขยายวงกว้างขึ้น ร้านอาหารจำนวนมากไม่เพียงเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล แต่ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากเกษตรกรรายย่อยและชุมชนในพื้นที่ การจับคู่อาหารกับเครื่องดื่มยังคงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์การทานอาหาร โดยเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ทำจากสมุนไพรและดอกไม้ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากไวน์ชั้นดี
ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ ยังสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของร้านอาหารแบบสบาย ๆ ที่สะท้อนตัวตนเชฟ เมนูซึ่งเน้นพืชเป็นหลัก และแนวคิดอาหารไทยสมัยใหม่ที่เคารพรากเหง้าดั้งเดิม การปรุงอาหารด้วยความรับผิดชอบและการคัดสรรวัตถุดิบอย่างใส่ใจได้กลายเป็นแนวปฏิบัติประจำวันที่สำคัญของการทำครัว ขณะที่อาหารเชิง “สร้างสรรค์” หรือ “ไร้พรมแดน” ซึ่งเน้นการผสานเทคนิคและวัตถุดิบจากหลากวัฒนธรรมอาหาร กำลังเป็นเทรนด์ใหม่มาแรง
‘ซูห์ริง’ คว้า ‘สามดาวมิชลิน’ มาครองเป็นร้านที่สองในไทยต่อจาก ‘ศรณ์’
นอกจาก ศรณ์ ซึ่งครองตำแหน่งร้านระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ ร้านแรกในไทย ในปีนี้ยังมีร้านอาหารร่วมครองรางวัลนี้อีก 1 ร้าน คือ ซูห์ริง ร้านอาหารที่ก่อตั้งโดยเชฟฝาแฝด โธมัสและแมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias Sühring) โดยถ่ายทอดเสน่ห์อาหารเยอรมันร่วมสมัยผ่านเทสติงเมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากสูตรอาหารในครอบครัว ความทรงจำวัยเด็ก และการเดินทาง วัตถุดิบตามฤดูกาลถูกนำมาปรุงอย่างเชี่ยวชาญด้วยเทคนิคดั้งเดิมแบบเยอรมัน ทั้งการหมัก การดอง และการรมควัน ทุกจานรังสรรค์อย่างประณีตและจัดวางอย่างงดงาม ทำให้ได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ทั้งอร่อยและน่าประทับใจ
ซูห์ริง ปรากฎชื่อในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย มาตั้งแต่ฉบับปฐมฤกษ์ปี 2561 ในฐานะร้าน ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ เพียงหนึ่งปีต่อมาก็ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’ และสามารถครองสถานะ ‘สองดาวมิชลิน’ เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 7 ปี การเลื่อนระดับสู่รางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ ได้ในคู่มือฯ ฉบับปี 2569 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ ความสม่ำเสมอ และความมุ่งมั่นรักษามาตรฐานสูงสุดด้านอาหารได้เป็นอย่างดี

‘แอน-โซฟี พิค แอท เลอ นอร์มังดี’ และ ‘อินดี’ ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’
ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 มีร้านอาหารคว้ารางวัล ‘สองดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้น 2 ร้าน โดยทั้งคู่ได้รับการเลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ได้แก่
แอน-โซฟี พิค แอท เลอ นอร์มังดี ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่เชฟแอน-โซฟี พิค และเชฟชาวญี่ปุ่น ทามากิ โคบายาชิ ร่วมกันนำเสนออาหารจานเด่นที่โด่งดังของเชฟพิค ซึ่งรวมถึงล็อบสเตอร์อันเลื่องชื่อ และเซ็ตเมนู Voyage ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน
อินดี ร้านอาหารอินเดียสมัยใหม่ที่เปิดประสบการณ์ให้นักชิมได้สัมผัสเสน่ห์รสชาติจากทุกภูมิภาคของอินเดีย ผ่านเซ็ตเมนูราว 10 คอร์ส ที่แต่ละจานโดดเด่นด้วยการนำเสนอและรสชาติ ทั้งยังมีเรื่องราวเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น กุ้งคาราบิเนโร ที่ปรุงสด ๆ ตรงหน้าเพื่อแทนภาพรัฐกัว, ผักดอง ที่สื่อถึงบรรยากาศฤดูหนาวอันทรหดแห่งเทือกเขาหิมาลัย และ ปราตา ที่ทำจากหอยเชลล์ฮอกไกโด ซึ่งสะท้อนประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่นของเชฟ

รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้น 7 ร้าน
สำหรับรางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ซึ่งมีร้านใหม่ติดโผ 7 ร้าน ในจำนวนนี้ 3 ร้านได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ส่วนอีก 4 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected
ร้านใหม่ระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่ติดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ได้แก่
- โบ.ลาน ร้านอาหารไทยที่นำเสนอเมนูซึ่งผสมผสานตำรับไทยดั้งเดิมควบคู่กับแนวคิดเรื่องการทำอาหารอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยคัดสรรวัตถุดิบหายากจากเกษตรกรรายย่อยมารังสรรค์เป็นอาหารที่ถ่ายทอดมรดกไทยอย่างลึกซึ้งผ่านเทคนิคการปรุงที่แม่นยำและการนำเสนอที่เรียบง่าย เพื่อขับเน้นให้รสชาติที่กลมกล่อมและซับซ้อนโดดเด่นเต็มที่
- คานนูบี บาย อุมแบร์โต บอมบานา ร้านอาหารอิตาเลียนที่นำเสนอ เซ็ตเมนูมื้อกลางวันหรือดินเนอร์แบบเทสติงเมนู ที่จัดเต็มทุกมิติของรสชาติ อาหารทุกจานผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ได้อย่างละเมียดละไมและลงตัว
- เอทช่า ร้านอาหารที่เชฟถ่ายทอดแนวคิด “ไร้พรมแดน” ผ่านเทสติงเมนู 11 คอร์ส “360°” และ 8 คอร์ส “180°” ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ผสานเทคนิคการปรุงแบบยุโรปเข้ากับวัตถุดิบพื้นถิ่นของไทยได้อย่างประณีต ทุกจานล้วนปรุงอย่างพิถีพิถันและเคารพในรสชาติพื้นถิ่นอย่างลึกซึ้ง โดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล
ร้านใหม่ระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่เลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected ได้แก่
- กากัน ร้านอาหารที่นำเสนออาหารสุดสร้างสรรค์กว่า 20 คอร์ส โดยอาหารแต่ละจานเสิร์ฟมาพร้อมการแสดงแสงสีและจังหวะดนตรีเร้าใจ 5 องก์ ผสานรสชาติที่จัดจ้าน การเล่าเรื่องอันชวนดื่มด่ำ และพลังงานอันเปี่ยมชีวิตชีวา ซึ่งถ่ายทอดเอกลักษณ์ของเชฟชื่อดังได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- จุกซุนแช ร้านอาหารเกาหลีร่วมสมัยที่นำเสนอเมนูโอมากาเสะซึ่งถ่ายทอดการตีความรสชาติอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิมในมิติใหม่ อาหารแต่ละจานเปี่ยมความประณีต สมดุล และงดงามสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น ซุปหนวดปลาหมึก, เกี๊ยวไส้ทรัฟเฟิล หรือ บิบิมบับปู
- นุสรา ร้านอาหารไทยภายใต้การนำของเชฟ “ต้น” ฐิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านฤดู (Le Du) ที่ครองรางวัลหนึ่งดาวมิชลินมาตั้งแต่ปี 2562 ร้านนุสรานำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษ โดยผสานอาหารไทยชั้นเลิศเข้ากับทิวทัศน์อันงดงามของวัดโพธิ์จากชั้นดาดฟ้า ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีเขียวมะกอกแต่งแต้มด้วยสีทอง สร้างบรรยากาศหรูหราอย่างมีระดับ เมนูแนะนำ ได้แก่ เนื้อวากิวผัดซอสกะเพราแดง รสเข้มข้นกลมกล่อม และ น้ำพริกสี่ภาค
- ซูชิ ไซโตะ ร้านซูชิซึ่งเสิร์ฟซูชิสไตล์เอโดะที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ถ่ายทอดเทคนิคดั้งเดิมจากสมัยเอโดะโดยใช้อาหารทะเลสดใหม่ซึ่งส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นหลายครั้งต่อสัปดาห์ และข้าวอาคิตะซึ่งหุงด้วยการควบคุมอุณหภูมิและความชุ่มชื้นอย่างประณีต เสิร์ฟเป็นชุดเล็ก ๆ เพื่อคงคุณภาพที่ดีที่สุดในทุกคำ

รางวัลพิเศษ 4 รางวัล
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย มอบรางวัลพิเศษให้กับบุคลากรมืออาชีพจากร้านอาหารที่ติดอันดับในคู่มือฯ ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นและมีบทบาทในการยกระดับประสบการณ์ด้านอาหารให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมด้านอาหารและบริการเป็นที่น่าสนใจและน่าทำงานด้วย
รางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award
MICHELIN Guide Young Chef Award เป็นรางวัลพิเศษที่ได้รับการสนับสนุนโดย “บลองแปง” (Blancpain) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ รางวัลนี้มอบให้กับสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ที่แสดงศักยภาพโดดเด่นตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติและทักษะความสามารถในการรังสรรค์อาหารอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2569 คือ เชฟ “มอนด์” สุวิจักขณ์ กังแฮ เชฟและเจ้าของร้าน ‘หรอย’ (Royd) ร้านระดับ MICHELIN Selected
เชฟมอนด์เกิดที่ภูเก็ต โดยเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านอาหาร ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหลงใหลในอาหารใต้อย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ เขายังมีโอกาสได้ฝึกทักษะในร้านอาหารฝรั่งเศสซึ่งทำให้ได้รับประสบการณ์ล้ำค่าด้านอาหารหรูประเภท ‘ไฟน์ไดนิง’ (Fine Dining) เมื่อกลับมายังจังหวัดบ้านเกิด เขาจึงได้เปิดร้าน ‘หรอย’ เพื่อนำเสนออาหารที่สะท้อนรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของทะเลใต้ นอกจากจะมุ่งมั่นสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นแล้ว เชฟมอนด์ยังผสานสูตรอาหารดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคการประกอบอาหารที่ทันสมัย เพื่อถ่ายทอดให้โลกได้เห็นถึงวิถีการทานอาหารของชาวใต้
รางวัล MICHELIN Guide Opening of the Year Award
MICHELIN Guide Opening of the Year Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารยูโอบี (UOB) มอบให้กับบุคลากรและทีมงานซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีแนวคิดที่โดดเด่นในการนำเสนออาหารอย่างสร้างสรรค์ จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากวงการอาหารในประเทศ สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2569 คือ วิลฟริด อ็อกเก (Wilfrid Hocquet) เชฟและเจ้าของร้าน ‘มาร์โก’
มาร์โก เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 และติดอันดับร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย ฉบับล่าสุด โดยนำเสนอเมนูที่ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารฝรั่งเศสคลาสสิกด้วยฝีมือประณีต เสริมด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพจากทีมงานมืออาชีพ แม้จะเป็นร้านเปิดใหม่ แต่ มาร์โก ให้ความรู้สึกเหมือนร้านที่คุ้นเคยและอยู่มานาน …เรียบง่ายแต่มีสไตล์ พิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ และเปี่ยมศักยภาพ
รางวัล MICHELIN Guide Service Award
MICHELIN Guide Service Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มอบให้สุดยอดบุคลากรของร้านอาหารที่ทุ่มเทให้กับการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2569 คือ อาร์เซน บราเฮจ (Arsen Brahaj) ผู้จัดการร้าน ‘อาวลิส’ ร้านระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ในจังหวัดพังงา
มร.บราเฮจ มาจากประเทศแอลเบเนีย สามารถสื่อสารได้ถึง 4 ภาษา ทั้งยังเคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นหัวหน้างาน (Supervisor) ในร้านอาหารระดับ ‘ดาวมิชลิน’ ของเชฟ ‘ไซมอน โรแกน’ (Simon Rogan) ที่ประเทศมอลตา ที่ อาวลิส เขามีหน้าที่กำกับดูแลทีมบริการและรับผิดชอบการจับคู่อาหารกับเครื่องดื่มซึ่งรังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่น มร.บราเฮจ มีบทบาทในการบริหารจัดการเพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น เขาต้อนรับแขกด้วยเสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติ อธิบายเมนูอาหารอย่างเอาใจใส่ สนับสนุนการทำงานของทีมครัว และมอบประสบการณ์การทานอาหารที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
รางวัล MICHELIN Guide Mentor Chef Award
MICHELIN Guide Mentor Chef Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ มอบให้กับเชฟผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการอาหารผ่านการทุ่มเทมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้และทักษะที่สั่งสมมาให้กับเชฟรุ่นใหม่ โดยผู้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นรายแรกในไทย คือ เดวิด ทอมป์สัน (David Thompson) เชฟและเจ้าของร้าน ‘อักษร’ (หนึ่งดาวมิชลิน) และ ‘ชอพ ชอพ กุ๊ก ช็อป’ (MICHELIN Selected)
เส้นทางการทำอาหารไทยของ มร.ทอมป์สัน เริ่มขึ้นในช่วงปี 2523-2532 โดยเขาได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกและตกหลุมรักในวัฒนธรรมอาหารไทยที่หลากหลายและรุ่มรวย ในปี 2544 เขาได้เปิดร้าน Nahm ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน พิสูจน์ให้นานาชาติได้เห็นถึงศักยภาพของอาหารไทยบนเวทีอาหารประเภท ‘ไฟน์ไดนิง’ (Fine Dining) ระดับโลก ต่อมาในปี 2553 เขาได้เปิดร้าน Nahm ที่กรุงเทพฯ และมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมอัตลักษณ์ของอาหารไทยประเภท ‘ไฟน์ไดนิง’ ในสายตาของทั้งเชฟและนักชิม
นอกจากความสำเร็จด้านอาหารของตนเองแล้ว มร.ทอมป์สัน ยังถ่ายทอดภูมิปัญญาความรู้และให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ เชฟชั้นนำของไทยหลายคนเคยฝึกฝนฝีมือในครัวของเขาและยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ในการเคารพรากเหง้าทางวัฒนธรรมและมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ แม้จะไม่ใช่คนไทยโดยกำเนิด แต่ตลอดเส้นทางอาชีพ มร.ทอมป์สัน ได้อุทิศตนเพื่อสืบสาน ถ่ายทอด และยกระดับอาหารไทย โดยเขาได้สร้างแรงกระเพื่อมที่ขับเคลื่อนวงการอาหารไทยอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน

‘โกท’ คว้า MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ทำให้มีร้านอาหารในไทยในหมวดนี้รวมทั้งสิ้น 5 ร้าน
MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” มอบให้กับร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจและความประทับใจให้กับผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ เป็นพิเศษด้วยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นต่ออนาคตของวงการอาหาร รางวัลนี้มีบทบาทในการรวบรวมร้านอาหารที่มีแนวคิดสร้างสรรค์และมุ่งพัฒนาบทบาทร้านอาหารให้ก้าวรุดหน้าในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้ ร้านอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจของผู้ตรวจสอบจาก ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่น่าประทับใจ คือ โกท ร้านอาหาร ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่มุ่งมั่นปรุงอาหารอย่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมชูความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบในประเทศ โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มาจากเกษตรกร ชาวประมง และผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่นโดยตรง ทั้งยังใช้สมุนไพรและดอกไม้กินได้จากสวนบนดาดฟ้าที่ปลูกเอง ร้านพยายามใช้วัตถุดิบและสิ่งต่าง ๆ ในครัวให้เกิดประโยชน์ เช่น การนำผักที่เหลือจากการทำอาหารมาทำปุ๋ยหมัก และเล็งเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะการแปรรูปน้ำมันเก่า แม้แต่การออกแบบร้านก็สะท้อนแนวคิดเดียวกัน ตั้งแต่การนำไม้เก่ากลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงการเลือกใช้ภาชนะบนโต๊ะอาหารที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล
ทั้งนี้ โกท จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนร้านอาหารที่มุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกับร้านอาหารอีก 4 ร้าน ได้แก่ พรุ, ฮาโอมา, จำปา และ บ้านเทพา ที่ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ตรวจสอบจาก ‘มิชลิน ไกด์’ และครองสถานะ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” เอาไว้ได้

สรุปจำนวนร้านอาหารที่ได้รับรางวัลจากคู่มือ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2569















