เป็นอีกครั้งที่ SOtraveler ได้มาเยือน โอกุระ ครูซ (Okura Cruise) นับตั้งแต่วันที่เรือลำนี้เปิดตัวอย่างสง่างามสู่สายน้ำเจ้าพระยา เสมือนเป็นการกลับมาเยี่ยมเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย แสงไฟริมฝั่งค่อย ๆ สะท้อนลงบนผิวน้ำราวกับพู่กันแตะสีทองบนผ้าใบสีเทาของค่ำคืน ก่อนที่เรือจะค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่าเรือเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (Asiatique The Riverfront) และนำเราเข้าสู่บทเกริ่นของค่ำคืนที่ให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน

ความประณีตในแบบฉบับญี่ปุ่นถูกถ่ายทอดตั้งแต่ก้าวแรกบนเรือ เนื้อไม้สีน้ำตาลเข้มจับคู่กับโคมไฟโทนอุ่นสร้างบรรยากาศสงบละมุน เสียงพนักงานกล่าวต้อนรับอย่างนอบน้อมพร้อมการดูแลทุกก้าวเดินด้วยความพิถีพิถันกลายเป็นภาพจำที่ไม่เคยเลือน การบริการที่ไม่เอิกเกริกแต่เปี่ยมไปด้วยแนวคิด Omotenashi ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าที่นั่งตรงนี้ถูกเตรียมไว้สำหรับเราโดยเฉพาะ
หัวใจของค่ำคืนนี้คือเคาน์เตอร์ Teppanyaki ที่จัดอยู่ภายในห้องส่วนตัวด้านท้ายของเรือ หันหน้าออกสู่ทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยา เสียงมีดและตะหลิวกระทบกันบนพื้นเหล็กอย่างเป็นจังหวะ และกลิ่นเนยกระเทียมหอมอ่อน ๆ ค่อย ๆ ลอยขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ทุกองค์ประกอบเข้ากันอย่างลงตัวจนอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าใกล้เพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของเชฟอย่างละเอียดในทุกวินาที



สำหรับค่ำคืนนี้ เราเลือกเป็นคอร์ส Umi ที่เปิดประสบการณ์ด้วย Otsukuri ซึ่งเลือกสรรปลาตามฤดูกาลจาก Toyosu Market ความสดปรากฏตั้งแต่ชิ้นแรกที่แตะลิ้น ราวกับพาเราไปยืนอยู่ริมท่าเรือโตเกียวในเช้ามืด ความหวานละมุนของเนื้อปลาและกลิ่นทะเลอ่อน ๆ ที่ยังคงอยู่เมื่อหลับตา ทำหน้าที่เป็นคำทักทายแรกที่เนี้ยบและสง่างามในแบบที่ห้องครัวญี่ปุ่นชั้นเยี่ยมเท่านั้นจะมอบได้


ถัดมาคือ Nimono ที่นำเสนอไข่ตุ๋นเนื้อเนียนละเอียดแทบละลายเมื่อสัมผัสปลายลิ้น ยูซุออยล์แต้มความหอมสดชื่นอย่างนุ่มนวล อูนิให้สัมผัสอุ่นละมุนคล้ายฟองคลื่น พร้อมด้วยอิคุระเม็ดใสที่แตกตัวนุ่มนวล เมื่อทั้งสามชั้นรสชาติไหลรวมกันจนกลายเป็นอูมามิที่ทำให้หัวใจผ่อนคลายขึ้นทีละนิด เป็นอีกหนึ่งจังหวะที่ทำให้ผู้ทานเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว

ช่วงเวลาบนเตาร้อนค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นเมื่อเชฟนำ Hotate และ Ooebi ลงบนพื้นเหล็กที่ยังคุกรุ่น เสียงแตกตัวของไขมันสร้างกลิ่นหอมชวนหลงใหล ผิวด้านนอกถูกย่างให้เกิดสีคาราเมลบาง ๆ ขณะที่ภายในยังคงความชุ่มฉ่ำเต็มเปี่ยม ความหวานแฝงรสเค็มปลายลิ้นอย่างแผ่วเบาเกิดขึ้นในจังหวะสั้น ๆ ที่ลงตัวที่สุด ผักย่างที่เสิร์ฟเคียงช่วยเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัสก่อนเข้าสู่ช่วงไฮไลท์ถัดไป


และเมื่อถึงคิวของ Sendai Wagyu Sirloin A4 ความสนใจทั้งหมดบนเรือลำนี้เหมือนถูกรวบไว้เป็นหนึ่งเดียว เชฟย่างเนื้อให้เกิด Crust บางกรอบสีทองงดงาม ก่อนตัดเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ไขมันระดับ A4 เคลือบริมฝีปากและลิ้นอย่างละมุน โดยให้สัมผัสที่บาลานซ์กว่า A5 ซึ่งมักมีไขมันสูงกว่า ทิ้งกลิ่นควันไว้เพียงแผ่วเบา เนื้อสัมผัสนุ่มฉ่ำจนแทบละลายหลังเคี้ยวเพียงไม่กี่ครั้ง เป็นอีกหนึ่งจังหวะที่ทั้งภาพ เสียง และกลิ่นรวมตัวกันอย่างสวยงาม เปรียบเสมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามาอย่างนุ่มนวลในค่ำคืนนี้



ก่อนเข้าสู่บทสรุปของค่ำคืนนี้ Garlic Rice หอมกรุ่นถูกเสิร์ฟพร้อม Tome Wan และ Ko No Mono ทำหน้าที่คล้ายการรีเซ็ตรสชาติทั้งมื้อ กลิ่นกระเทียมอ่อน ๆ และความกรุบเล็กน้อยจากผักดองช่วยให้รสสัมผัสกลับมากลมกล่อมอีกครั้ง ก่อนจะปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Matcha Ice Cream ที่ทิ้งความขมละมุนไว้ปลายลิ้น เหมือนบทสรุปของละครที่ไม่จำเป็นต้องยกเสียง แต่กลับตรึงทุกความรู้สึกไว้อย่างสวยงาม



แม้คืนนี้ฝนจะโปรยลงบนดาดฟ้าจนเราอดขึ้นไปชมวิวกลางแจ้ง แต่เสียงฝนที่ค่อย ๆ ตีลงบนหลังคากลับทำให้บรรยากาศภายในอบอุ่นเป็นพิเศษ เฝ้ามองหยดน้ำไหลผ่านกระจกใสสะท้อนแสงไฟริมแม่น้ำ ชั่วขณะนั้นความเงียบสงบกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ได้ลดทอนความงดงามแม้แต่น้อย กลับเพิ่มความโรแมนติกในแบบฉบับวันฝนพรำ
ในค่ำคืนนี้ โอกุระ ครูซ (Okura Cruise) ได้สร้างความประทับใจที่งอกงามขึ้นกว่าเดิม การกลับมาเยือนครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อทบทวนความทรงจำ แต่เหมือนการพบว่าหัวใจของประสบการณ์นี้ยังเต้นอยู่จริง เป็นค่ำคืนที่เรียบง่าย แต่ทรงพลังพอที่จะติดอยู่ในใจไปอีกยาวนาน และหากเคยลิ้มลองเมนู Kaiseki ของที่นี่แล้ว การแวะมาสัมผัสประสบการณ์ Teppanyaki ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน
Okura Cruise
- Location: โอกุระ ครุซ (Okura Cruise)
- Opening Hours: เปิดทุกวัน 19.00 น. – 22.30 น.
- Reservations: 02-687-9000 หรือ [email protected]
- Facebook: OkuraCruise
- Instagram: @okuracruise
- Website: www.okuracruise.com







