เมื่อพูดถึงการหลีกหนีจากความวุ่นวายในกรุงเทพฯ การเดินทางไปเขาใหญ่กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการผ่อนคลายจากชีวิตที่เร่งรีบ และครั้งนี้เราได้มีโอกาสไปสัมผัสประสบการณ์พักผ่อนสุดพิเศษที่ Roukh Kiri Khao Yai ซึ่งจะมาเล่าสู่กันฟังถึงทุกรายละเอียดที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางชมตลอดเส้นทางไปอย่างเพลิดเพลิน เมื่อเข้าสู่พื้นที่เขาใหญ่ อากาศเริ่มเย็นสบายขึ้น เสียงธรรมชาติแทนที่เสียงรถยนต์ในเมือง บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ยิ่งขับรถไปลึกเข้าป่ามากเท่าไร ยิ่งรู้สึกได้ถึงความสงบและร่มเย็นมากขึ้นเท่านั้น

Check-in Experience: First Impression
เมื่อมาถึงล็อบบี้ พนักงานต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นและไหว้ทักทายแบบไทยแท้ เสิร์ฟเครื่องดื่มต้อนรับที่เป็นน้ำเก๊กฮวย รสชาติหวานหอม ช่วยคลายความเหนื่อยจากการเดินทางได้อย่างดี พร้อมผ้าเย็นสำหรับเช็ดหน้าเช็ดมือ
กระบวนการเช็คอินดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยพนักงานไม่เพียงแค่ให้กุญแจห้อง แต่ยังใช้เวลาอธิบายเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในรีสอร์ทอย่างละเอียด


Pool Villa: Private Paradise in Nature
เราเลือกพักที่ Pool Villa ซึ่งเป็นห้องพักยอดฮิตในรีสอร์ทแห่งนี้ แต่ละวิลล่าล้อมรอบด้วยสวนเขียวขจีและไม้ใหญ่นานาชนิด สร้างความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่นท่ามกลางป่า
Pool Villa ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว โดยใช้วัสดุอย่างไม้จริงและหินธรรมชาติเป็นหลัก สีสันโทนเดียวกับธรรมชาติทำให้รู้สึกผสมผสานกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อเปิดประตูไม้เข้าไป สิ่งแรกที่สะดุดตาคือสระน้ำเกลือส่วนตัวขนาดกำลังดีที่วางตำแหน่งอยู่ใจกลางพื้นที่กลางแจ้ง น้ำใสเหมือนกระจกสะท้อนแสงแดดยามเช้า สร้างลายน้ำระยิบระยับที่งดงาม ความลึกประมาณ 1.2 เมตร เหมาะสำหรับการผ่อนคลายและออกกำลังกายเบาๆ มีระบบกรองน้ำทำงานอัตโนมัติ รักษาความสะอาดของน้ำไว้ตลอดเวลา



รอบๆ สระล้อมรอบด้วยสวนเขียวขจีที่ดูแลอย่างพิถีพิถัน มีการปลูกพืชหลากหลายชนิดสีเขียวสด และไม้ดอกนานาชนิดที่ผลัดใบผลัดดอกตามฤดูกาล ดอกหญ้าแกว่งไสวตามสายลม สร้างเสียงเบาๆ ที่ผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลบซ่อนตัวในโอเอซิสลับที่ห่างไกลจากความวุ่นวายของโลกภายนอก

Bedroom & Living Space
มาสำรวจห้องนอนกันบ้าง รู้สึกเหมือนบรรยากาศของความอบอุ่นเข้าโอบกอดเราทันที ห้องตกแต่งด้วยโทนสีธรรมชาติที่สบายตา ผนังสีขาวครีมอ่อนผสมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาล สร้างความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่วางตรงกลางห้อง มีที่นอนคุณภาพดีที่นุ่มแต่ไม่จมเกินไป ผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด และหมอนหนุนขนาดต่างๆ ให้เลือกความสูงตามความชอบ รับประกันการนอนหลับที่สบายตลอดทั้งคืน
บนหัวเตียงมีโต๊ะไม้ขนาดพอดี มีปลั๊กไฟสำหรับชาร์จมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้แสดงถึงการใส่ใจของรีสอร์ทที่เข้าใจความต้องการของแขกยุคใหม่



บริเวณมุมห้องมีเดย์เบดขนาดใหญ่หุ้มด้วยผ้าลินินสีเบจนุ่มสบาย วางตำแหน่งริมหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นอ่างอาบน้ำ วิวสวนและสระน้ำได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือยามบ่ายหรือแค่เพลินไปกับการมองธรรมชาติและฟังเสียงนกร้อง มีโต๊ะเล็กข้างๆ สำหรับวางแก้วกาแฟหรือชาร้อนในยามเช้า

Semi-Outdoor Bathroom Experience
ห้องน้ำคือไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด เป็นห้องน้ำกึ่งเปิดโล่งที่ออกแบบให้ผสมผสานระหว่างความเป็นส่วนตัวกับการเปิดรับธรรมชาติได้อย่างลงตัว เมื่อเข้าไปใช้งานจะรู้สึกเหมือนได้อาบน้ำกลางสวน แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ได้อย่างสมบูรณ์

อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ทรงกลม วางตำแหน่งให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินและยอดไม้เขียวขจีผ่านช่องเปิดบนเพดาน การแช่ตัวในอ่างนี้ยามเย็นขณะฟังเสียงธรรมชาติ เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้างๆ อ่างมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับวางแก้วไวน์หรือเทียนหอมระหว่างแช่ตัว



ในส่วนของที่อาบน้ำจะอยู่ภายในวิลล่า ผนังห้องน้ำด้านหนึ่งเป็นกระจกใสใหญ่มองเห็นสวนหย่อมสีเขียว แต่มีม่านที่สามารถดึงปรับได้ตามต้องการความเป็นส่วนตัว
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าสีขาว ติดตั้งอ่างล้างหน้าเซรามิกสไตล์โมเดิร์น กระจกเงาขนาดใหญ่ติดผนัง พร้อมชั้นเก็บของเล็กๆ สำหรับอุปกรณ์อาบน้ำส่วนตัว

Outdoor Gazebo & Pool Area
จุดเด่นที่ทำให้ Pool Villa พิเศษยิ่งกว่าห้องพักทั่วไปคือศาลาไม้ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำ ออกแบบให้เข้ากันได้ดีกับตัววิลล่า จัดวางให้มองเห็นวิวสระน้ำและสวนรอบข้างได้อย่างเต็มตา
ศาลาแห่งนี้กลายเป็นจุดโปรดที่เราใช้เวลาอยู่บ่อยที่สุด เหมาะสำหรับกิจกรรมหลากหลายตลอดวัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจิบกาแฟร้อนยามเช้าพร้อมชมพระอาทิตย์ทอดแสงทองส่องผ่านใบไม้ การทานอาหารกลางวันท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านมาจากภูเขา หรือการจิบไวน์แดงยามเย็นขณะชมพระอาทิตย์ตกลับขุนเขาในระยะไกล สร้างช่วงเวลาโรแมนติกที่ไม่รู้ลืม การนอนผ่อนคลายข้างสระขณะฟังเสียงน้ำไหลเบาๆ จากระบบกรองและเสียงนกร้องจากป่าใกล้เคียง เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ลืมความเครียดทั้งหมดได้


In-Villa Amenities
ภายในห้องพักจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว ทั้งทีวีพร้อมระบบ Smart TV สามารถเชื่อมต่อ Netflix และแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ ระบบเสียงคุณภาพดีที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธจากมือถือได้ Wi-Fi ความเร็วสูงครอบคลุมทั้งพื้นที่ในร่มและกลางแจ้ง ใช้งานได้อย่างเสถียรตลอด 24 ชั่วโมง
ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่ใช้งานง่าย กาน้ำไฟฟ้าสำหรับชงชาหรือเครื่องดื่มร้อนอื่นๆ พร้อมชาและกาแฟ รวมถึงมินิบาร์ก็มีเครื่องดื่มและขนมต่างๆ ให้รับประทานฟรี
ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ออกแบบให้ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า มีไม้แขวนเสื้อเพียงพอสำหรับเสื้อผ้าหลายชุด ลิ้นชักสำหรับเก็บของ ชั้นวางรองเท้าทั้งแบบปิดและเปิด และมีเซฟดิจิทัลสำหรับเก็บของมีค่าอย่างเครื่องประดับ เงินสด


Exploring Other Villa Types
Mountain Villa
นอกจาก Pool Villa แล้ว เรายังได้ไปเยี่ยมชม Mountain Villa ที่ภายในออกแบบคล้ายคลึงกับ Pool Villa ต่างกันเพียงสระว่ายน้ำ ห้องน้ำกึ่งเปิดโล่งของ Mountain Villa ให้ประสบการณ์พิเศษของการอาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติในมิติใหม่ อ่างอาบน้ำวางตำแหน่งให้สามารถชมวิวธรรมชาติขณะแช่ตัว โดยเฉพาะเวลาเย็นที่แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านใบไม้มาเป็นแสงทองละมุน สร้างบรรยากาศสปาธรรมชาติที่ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์

Barn Residence: Spacious Family Retreat
สำหรับครอบครัวใหญ่หรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น Barn Residence เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก รีสอร์ทมี Barn Residence 2 หลัง คือ ‘Chan’ และ ‘Tawan’ แต่ละหลังมีเอกลักษณ์และมุมมองที่แตกต่างกันเล็กน้อย
Barn Residence สามารถรองรับได้ถึง 6 คน ตกแต่งด้วยความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในแบ่งเป็น 2 ห้องนอนแยกกัน แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำ ให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับแขกแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี

ห้องนั่งเล่นแบบโอเพ่นเป็นจุดศูนย์กลางของครอบครัว มีพื้นที่กว้างขวางพอสำหรับกิจกรรมร่วมกัน โซฟาขนาดใหญ่นั่งได้หลายคน โต๊ะกลางไม้สำหรับวางของหรือเล่นเกมส์ ระบบเสียงเชื่อมต่อบลูทูธสำหรับเปิดเพลงสร้างบรรยากาศ และหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่ทำให้ภายในสว่างไสวด้วยแสงธรรมชาติตลอดวัน

ห้องครัวขนาดเล็กติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นครบครัน มีตู้เย็นขนาดกลางสำหรับเก็บอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ กาต้มน้ำไฟฟ้าและอุปกรณ์ครัวเรือนพื้นฐานอย่างจาน ชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อม







สระน้ำเกลือส่วนตัวของ Barn Residence ดูจะมีขนาดใหญ่กว่า Pool Villa พื้นที่รับประทานอาหารกลางแจ้งตั้งอยู่ข้างสระน้ำในบรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับ 8 คน เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้ BBQ หรือมื้อเย็นแบบครอบครัว มีเตาย่างถ่านและอุปกรณ์ย่างครบชุดให้ยืม (โดยต้องแจ้งล่วงหน้า) รวมถึงระบบไฟฟ้าและน้ำไว้สำหรับล้างจานและทำความสะอาด


Roukh Library
บ่ายวันแรกเราเดินเล่นไปรอบๆ รีสอร์ท แล้วไปนั่งชิลล์ที่ Roukh Library ซึ่งเป็นอาคารเปิดโล่ง ที่ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สำหรับผ่อนคลายและอ่านหนังสือ บรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ โซฟาตัวใหญ่วางหันหน้าเข้าหากัน ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดที่เปลี่ยนตามวันและตามฤดูกาล



Glamping Experience
ที่ Roukh Kiri ยังมีพื้นที่แกลมปิ้งพิเศษด้วย เป็นเต็นท์ผ้าที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจสวยงาม มีเตียงนุ่มขนาดใหญ่ ชุดโต๊ะสำหรับทานอาหารในบรรยากาศกลางแจ้ง และไฟประดับแสงอบอุ่นที่สร้างบรรยากาศโรแมนติกยามค่ำคืน
เหมาะสำหรับใครที่อยากถ่ายภาพสวยๆ ในธีมแกลมปิ้งชิค เก็บความทรงจำดีๆ หรือต้องการประสบการณ์พิเศษของการใช้เวลากลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติ แต่ยังคงความสะดวกสบายและหรูหราไว้ได้ สามารถจองใช้บริการเป็นรายชั่วโมงหรือครึ่งวันก็ได้


Afternoon Tea
Afternoon Tea ที่นี่สามารถรับประทานในรูปแบบแกลมปิ้งได้ จัดเสิร์ฟในสแตนด์ไม้สองชั้น มีทั้งของคาวและเมนูขนมหวานหน้าตาน่ารับประทาน รวมถึงชาหอมๆ

การนั่งจิบชาท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปกับช่วงเวลา เหมือนได้หยุดเวลาไว้และไม่มีความรีบร้อนใดๆ ได้ใช้เวลาอ่านหนังสือ คุยกันแบบไม่เร่งรีบ ฟังเสียงเพลงเบาๆ และมองดูแสงแดดเปลี่ยนไปตามเวลา


Dinner at Roukh Cuisine
BBQ Set

มื้อค่ำได้เราลองเป็น BBQ Set เชฟจะทำการย่างและเสิร์ฟให้ทานเรียงเป็นคอร์สตั้งแต่สลัด สปาเก็ตตี้ ซุป บาร์บีคิว และของหวาน ตามลำดับ ทำให้ได้อาหารที่สดใหม่และอร่อยตลอดมื้อ
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยสลัดผักใบเขียวสดที่ปลูกในสวนออร์แกนิกของรีสอร์ทเอง ต่อด้วยสปาเก็ตตี้ เมนูคลาสสิกอิตาลี่ที่ดูเรียบง่าย แต่เชฟทำได้หอมกลิ่นกระเทียมและมีรสชาติเข้มข้นลึกซึ้ง เส้นสปาเก็ตตี้ต้มได้ความ Al Dente ที่พอดี ไม่นิ่มเกินไปไม่แข็งเกินไป
ต่อด้วยซุปฟักทอง รสชาติหวานธรรมชาติของฟักทองเข้มข้น ปรุงรสด้วยเครื่องเทศเล็กน้อย เติมครีมเฟรชให้ความมันละมุน เสิร์ฟร้อนๆ ซุปนี้อบอุ่นและให้ความรู้สึกโฮมมี เหมาะสำหรับสภาพอากาศเย็นของเขาใหญ่ยามเย็น

ส่วนเมนูย่างที่เป็นจุดเด่นของ BBQ Set นี้ เชฟจะค่อยๆ ย่างและเสิร์ฟให้ทานร้อนๆ ทีละจาน เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดและอุณหภูมิที่เหมาะสม แต่ละชิ้นต่างมีเอกลักษณ์และรสชาติที่โดดเด่น ไก่อบเป็นไก่ชิ้นใหญ่ที่หมักด้วยสมุนไพร เนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำ กุ้งย่างเป็นกุ้งลายเสือขนาดใหญ่ เนื้อหวานและมีกลิ่นหอมธรรมชาติ พอร์คช็อปเป็นเนื้อหมูสันใหญ่ชิ้นหนาใหญ่ ย่างได้สุกพอดี รสชาติหอมหวนจากกระบวนการย่างที่ช้าและต่อเนื่อง พร้อมผักย่างเป็นชุดผักสดหลากสีสันที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยพุดดิ้งราดเบอร์รี่ซอสที่หวานมันกำลังดี






Breakfast at Roukh Cuisine
การได้ทานอาหารเช้าท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก Roukh Cuisine จัดเตรียมอาหารเช้าในรูปแบบ Set Menu มี 2 แบบให้เลือก คือเซ็ตไทยและเซ็ตตะวันตก แต่ละเซ็ตมีปริมาณเหมาะสมและรสชาติดี
เซ็ตไทยประกอบด้วยข้าวต้มที่เลือกโปรตีนเองได้ เราเลือกเป็นข้าวต้มหมูและข้าวต้มปลา พร้อมเมนูเคียงอย่างไข่เจียว ใบเหลียงผัดไข่ ผักดองเปรี้ยวหวาน เซ็ตตะวันตกให้ความอิ่มท้องไม่แพ้กัน ประกอบด้วยเมนูไข่ที่เลือกได้ตามความต้องการ และสลัดผักสดเบาๆ เพื่อเพิ่มวิตามินและไฟเบอร์
สิ่งที่ประทับใจคือสามารถสั่งเพิ่มได้ไม่อั้น เชฟยินดีทำเพิ่มทุกครั้งที่ขอ ไม่ว่าจะเป็นไข่อีกฟอง ข้าวต้มอีกชาม บริการแบบนี้ทำให้รู้สึกเหมือนทานอาหารเช้าที่บ้านมากกว่าโรงแรม




นอกจากเมนูหลักแล้ว ยังมีของหวานให้เลือกทานเป็นขนมหวานหลังอาหาร พร้อม เครื่องดื่มร้อนมีกาแฟเอสเปรสโซ กาแฟอเมริกาโน่ ลาเต้ คาปูชิโน่ ชาและช็อกโกแลตร้อน


Spa Experience
เรานัดหมายทำสปาไว้ตอนบ่าย เป็นการนวดไทยในบรรยากาศวิลล่าส่วนตัว เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก ไม่เหมือนการไปสปาในเมือง
เทอราปิสมาถึงวิลล่าพร้อมอุปกรณ์ครบครัน เริ่มจากการเตรียมบรรยากาศก่อนเริ่มนวด เปิดเพลงธรรมชาติเบาๆ เสียงน้ำไหลและเสียงนกร้อง จัดเตียงนวด หรี่ไฟและปิดม่านให้พร้อมสำหรับการทำทรีตเมนต์ เทอราปิสฝีมือดีมาก เริ่มจากการสอบถามอาการเมื่อยและจุดที่ต้องการให้ใส่ใจเป็นพิเศษ ใช้เทคนิคการนวดแผนไทยดั้งเดิมผสมกับเทคนิคสมัยใหม่ กดจุดได้แม่นยำ ไม่แรงเกินไปจนเจ็บ แต่ได้ผลในการคลายเมื่อยและเส้นเอ็นตึง
เริ่มจากการนวดเบาๆ เพื่อปรับร่างกายให้คุ้นเคยและผ่อนคลาย จากนั้นค่อยๆ เพิ่มแรงกดให้เหมาะสมกับสภาพกล้ามเนื้อ ใช้ฝ่ามือ นิ้วหัวแม่มือ และข้อศอกในการกดจุดต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทำให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้นและกล้ามเนื้อคลายตัว หลังจากนวดเสร็จรู้สึกเมื่อยหายไปมาก ร่างกายเบาสบาย จิตใจสงบ

Best Time to Visit
เขาใหญ่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดปี แต่ละฤดูก็มีเสน่ห์แตกต่างกัน ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและการผ่อนคลาย อุณหภูมิตอนเช้าประมาณ 15-20 องศา ตอนกลางวัน 25-28 องศา
ฤดูฝน (พฤษภาคม-ตุลาคม) ธรรมชาติเขียวขจี บรรยากาศโรแมนติก แม้ฝนจะตกบ้าง แต่ก็ทำให้อากาศเย็นสบายและสดชื่น
ฤดูร้อน (มีนาคม-เมษายน) แม้อากาศจะร้อนกว่าฤดูอื่น แต่ที่เขาใหญ่ยังคงเย็นสบายกว่าในเมือง เหมาะสำหรับแช่สระและผ่อนคลาย
การมาพักที่ Roukh Kiri Khao Yai ครั้งนี้ทำให้ได้สัมผัสกับการพักผ่อนแบบครบเครื่องจริงๆ ในระดับที่เหนือความคาดหมาย ไม่ใช่แค่การมาพักโรงแรมธรรมดา แต่เป็นการได้มาใช้ชีวิตช้าๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และการบริการที่ใส่ใจทุกรายละเอียด
สิ่งที่ทำให้ Roukh Kiri พิเศษที่สุดคือการออกแบบทุกอย่างให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ตั้งแต่สถาปัตยกรรม การจัดวางห้องพักที่ให้ความเป็นส่วนตัว ไปจนถึงการใช้วัตถุดิบในการทำอาหารจากฟาร์มของรีสอร์ตเอง ทุกสิ่งทุกอย่างสื่อถึงความใส่ใจและความรักในธรรมชาติ
บรรยากาศของความสงบเงียบที่ปราศจากเสียงรบกวนจากโลกภายนอก ทำให้ได้มีเวลากับตัวเองและคนใกล้ชิดอย่างแท้จริง การได้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนกร้องแทนเสียงนาฬิกาปลุก การได้ใช้เวลากับธรรมชาติแทนการจ้องหน้าจอโทรศัพท์ เป็นประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกฟื้นฟูและมีพลังงานใหม่

Perfect for Different Occasions
Roukh Kiri เหมาะสำหรับโอกาสและกลุ่มคนหลากหลาย สำหรับคู่รักที่ต้องการความโรแมนติกและเวลาส่วนตัว Pool Villa หรือ Mountain Villa เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก Barn Residence ก็ให้พื้นที่เพียงพอ และยังเหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนที่ต้องการใช้เวลาร่วมกัน กิจกรรมต่างๆ ในรีสอร์ทสร้างความสนุกสนานได้เป็นอย่างดี
สำหรับคนที่ทำงานหนักและต้องการผ่อนคลาย การมาที่นี่จะทำให้ได้รีเซ็ตร่างกายและจิตใจ สปาในวิลล่า การแช่ตัวในสระน้ำเกลือ และการทานอาหารดีๆ ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูตัวเอง
Memorable Moments
ช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดคือการนั่งในศาลาริมสระยามเย็น จิบไวน์ขณะชมพระอาทิตย์ตกลับขุนเขา ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากฟ้าใสเป็นส้มทอง สุดท้ายเป็นม่วงเข้ม ดาวเริ่มปรากฏขึ้นทีละดวง และเสียงธรรมชาติค่อยๆ เปลี่ยนจากเสียงนกเป็นเสียงแมลงยามค่ำคืน
การทานอาหารเช้าในบรรยากาศกลางแจ้งท่ามกลางอากาศเย็นและแสงแดดอ่อนๆ การทำสปาท่ามกลางเสียงน้ำไหลและเสียงลมพัดผ่านใบไม้ ล้วนเป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตช้าลงและมีความสุขแบบเรียบง่าย

Recommendations
สำหรับใครที่วางแผนจะมา แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลต่างๆ ควรพักอย่างน้อย 2 คืน เพื่อให้มีเวลาสัมผัสบรรยากาศและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างเต็มที่
แนะนำให้นำเสื้อผ้าแบบชิลล์ๆ มาด้วย เพราะบรรยากาศที่นี่เหมาะกับการแต่งตัวแบบผ่อนคลาย ไม่ต้องเป็นทางการ อย่าลืมนำกล้องมาเก็บภาพสวยๆ และหนังสือดีๆ สำหรับอ่านในเวลาว่าง
ถ้าชอบถ่ายรูป ช่วงเวลาที่แสงสวยที่สุดคือยามเช้า 6:00-8:00 น. และยามเย็น 17:00-19:00 น. แสงอ่อนๆ ทำให้ภาพสวยงามและบรรยากาศอบอุ่น
หากใครกำลังมองหาที่พักผ่อนที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้หลบหนีไปยังดินแดนแห่งความสงบ ที่สามารถ Disconnect จากโลกภายนอกและ Reconnect กับธรรมชาติและตัวเอง Roukh Kiri Khao Yai คือตัวเลือกที่จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ประสบการณ์ที่นี่ไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่เป็นการเติมเต็มหัวใจและจิตวิญญาณ ให้กลับไปใช้ชีวิตต่อด้วยความสดชื่นและมีพลังงานใหม่
การได้มาที่นี่ครั้งนี้ทำให้เข้าใจได้ว่า บางครั้งสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การเดินทางไปสถานที่ที่ไกลหรือแปลกใหม่ แต่เป็นการหาที่ที่ทำให้เรารู้สึกสงบและมีความสุขแบบเรียบง่าย Roukh Kiri คือที่ที่เราจะกลับมาอีกแน่นอน และจะแนะนำให้คนที่รักมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ นี้ด้วย
Contact Information & Booking Details
ROUKH KIRI KHAOYAI, The Centara Collection
ที่อยู่: 10 Moo 4, Pong Ta Long, Pak Chong, Nakhon Ratchasima 30130, Thailand
การจองห้องพัก:
- Email: [email protected]
- โทรศัพท์: +66 (0)-44-001-300
Social Media:
- Instagram: https://www.instagram.com/roukhkiri/
- Facebook: https://www.facebook.com/people/Roukh-Kiri-รุกข์