ค่ำคืนที่ Maison Dunand กรุงเทพฯ ได้ถูกถักทอขึ้นอย่างพิเศษ เมื่อ เชฟ Arnaud Dunand เชฟและเจ้าของร้าน Maison Dunand ซึ่งครองรางวัล มิชลินสตาร์ 1 ดาว ได้จับมือกับ เชฟ Julian Stowasser จากร้าน Lakeside เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เจ้าของ มิชลินสตาร์ 2 ดาว มาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ 4 Hands Dinner ที่หรูหราและเต็มไปด้วยศิลปะแห่งรสชาติ
การร่วมมือของสองเชฟจากสองประเทศในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรม เทคนิค และแรงบันดาลใจของเชฟทั้งสอง ให้กลายเป็นมื้ออาหารที่ร้อยเรียงตั้งแต่คำแรกไปจนถึงคำสุดท้ายอย่างละเมียดละไม อาหารทุกจานถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน ที่เริ่มจากความสดชื่นของทะเล สานต่อด้วยรสชาติจากผืนป่าและภูเขา ก่อนจะปิดท้ายด้วยความหอมหวานละมุนของผลไม้จากดินแดนอัลซาสประเทศฝรั่งเศส


ค่ำคืนนี้เริ่มต้นด้วยการต้อนรับอย่างละเมียดละไมด้วย คานาเป้ ที่เชฟตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเรียกน้ำย่อย แต่ละคำสะท้อนแนวคิดของเชฟที่ต้องการให้แขกได้ค่อย ๆ สัมผัสรสชาติ ความสร้างสรรค์ และความประณีตบนจานเล็ก ๆ ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเดินทางของคอร์สอาหารเต็มรูปแบบ




และยังมี ขนมปังอบสดใหม่ เสิร์ฟพร้อม เนย 2 แบบ ทั้งเนยจืดที่ให้รสนุ่มละมุน และ เนยเค็มผสมสาหร่าย ที่มีรสเค็มอูมามิ กลิ่นหอมชวนให้นึกถึงทะเล

Ostra Regal Oyster
คอร์สแรกของค่ำคืนนี้คือการพาเราเข้าสู่รสชาติแห่งท้องทะเล Ostra Regal Oyster หอยนางรมสายพันธุ์ชั้นเลิศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสะอาด สด และรสเค็มธรรมชาติ เชฟเลือกจับคู่กับคาเวียร์ที่ช่วยเพิ่มชั้นเชิงและความหรูหรา ขณะที่ครีมเฟรชทำให้รสชาติกลมกล่อมและละมุนยิ่งขึ้น ก่อนจะตัดเลี่ยนด้วยหอมแดงดองที่เพิ่มมิติความสดชื่น ราวกับบทเพลงแรกที่เปิดฉากค่ำคืนด้วยความสง่างาม

Brittany Mackerel
ปลาซาบะจาก Brittany ถูกนำมารังสรรค์อย่างพิถีพิถัน รสเข้มและเนื้อแน่นของปลาถูกบาลานซ์ด้วยบัตเตอร์มิลค์ที่มีความเปรี้ยวนุ่มละมุน เสริมด้วยมันฝรั่งพันธุ์ Ratte ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสหวานและสัมผัสละเอียด กลายเป็นจานที่สะท้อนถึงความเรียบง่ายของวัตถุดิบพื้นถิ่น แต่ขับเน้นด้วยเทคนิคที่หรูหราและร่วมสมัย

Scottish Salmon
ความหรูหราของแซลมอนจากสกอตแลนด์ถูกนำมาเชื่อมโยงกับเสาวรสเขตร้อน ที่มอบความสดฉ่ำและเปรี้ยวหวานอย่างลงตัว ขณะที่ซอสมิโสะฮอลแลนเดสให้ความเข้มข้นและอูมามิที่แปลกใหม่ การผสมผสานนี้ทำให้ปลาแซลมอนดูเหมือนกำลังเต้นรำกับผลไม้และซอสในจังหวะที่ทั้งสดใสและหนักแน่น

Norway Langoustine
ล็อบสเตอร์น้ำลึกจากนอร์เวย์หรือ Langoustine โดดเด่นด้วยความหวานเนื้อแน่นที่เป็นเอกลักษณ์ ถูกนำมาจับคู่กับอาร์ติโช้คที่ให้รสขมอ่อน ๆ และไวน์เหลืองที่มีความซับซ้อน จานนี้เหมือนการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบจากท้องทะเลและวัตถุดิบจากแผ่นดินที่ลงตัว และยังสะท้อนถึงความละเอียดละเมียดของวัฒนธรรมอาหารยุโรป

Venison
นี่คือหนึ่งในจานที่สะท้อนตัวตนของเชฟได้ชัดที่สุด เนื้อกวางคือวัตถุดิบที่เชฟผูกพันมาตั้งแต่บ้านเกิด รสชาติที่มีกลิ่นกึ่งป่าของเนื้อถูกขับเน้นด้วยความเปรี้ยวของเชอร์รี่ และความมันหอมของถั่วพิสตาชิโอ เป็นการเล่าเรื่องราวของผืนป่า ความทรงจำ และการเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบันอย่างงดงาม

Cheese Trolley
หนึ่งในช่วงเวลาที่ทำให้ค่ำคืนนี้สมบูรณ์แบบคือการได้สัมผัส ชีสทรอลลี ที่รวบรวมชีสชั้นนำจากเทือกเขาแอลป์และภูมิภาคอื่นของฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็น Beaufort, Tomme หรือชีสจากผู้ผลิตชื่อดังอย่าง Antony, Mons, Les Freres Marchand และ Little Goat Farm ประหนึ่งการเดินทางผ่านภูมิประเทศของฝรั่งเศสที่หลากหลาย และสะท้อนถึงความเป็น “DNA ของ Savoie” บ้านเกิดของเชฟ Arnaud


Alsace Mirabelle
การปิดท้ายมื้อค่ำมาพร้อมกับความหอมหวานของ Mirabelle plum ผลไม้สีทองจากแคว้น Alsace ที่มีรสหวานอ่อนละมุน เชฟนำมาผสมผสานกับกลิ่นหอมอบอุ่นของอบเชยและความมันกรอบของงา จานขนมหวานนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มความสุข แต่ยังทำให้เรารู้สึกเหมือนได้รับการโอบกอดจากความอ่อนโยนและความหรูหราในเวลาเดียวกัน

เมื่อของหวานจานหลักได้ปิดค่ำคืนอย่างละเมียดละไมแล้ว ยังมี Petit Four ที่เสิร์ฟมาคู่กับเครื่องดื่มพิเศษปิดมื้อ ขนมคำเล็ก ๆ เหล่านี้เปรียบเสมือนลายเซ็นสุดท้ายของเชฟที่บรรจงฝากไว้ เป็นการส่งแขกด้วยรสชาติหวานละมุน อ่อนโยน และตราตรึงใจ

Exclusive Beverage Pairing – Sommelier’s Choice
เพื่อเสริมประสบการณ์ให้สมบูรณ์แบบ จึงมีการคัดสรรเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมรสชาติของแต่ละจานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นความสดชื่นที่ช่วยขับความหอมของหอยนางรม ความซับซ้อนที่เข้ากับเนื้อกวาง หรือความละมุนที่ช่วยเสริมรสชาติของปลาแซลมอน ทุกแก้วถูกเลือกมาเพื่อทำให้รสชาติบนจานและในแก้วกลายเป็นบทสนทนาที่กลมกลืนกันอย่างลงตัว
สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสประสบการณ์ Fine Dining สุดพิเศษเช่นนี้ด้วยตนเอง สามารถติดตามอีเวนต์ดี ๆ หรือแวะไปลิ้มลองเมนูรังสรรค์โดยเชฟ Arnaud Dunand ได้ที่ Maison Dunand
Maison Dunand
Open Mon – Sat. (closed on Sunday)
• Lunch: 12:00 pm to 3:00 pm | last seating 1:30 pm | Mon & Sat
• Dinner: 6:30 pm to 11:00 pm | last seating 9:00 pm | Mon – Sat
📍55 Sathorn 10, Silom, Bang Rak Bangkok 10500
☎️ สำรองที่นั่ง: (+66) 65 639 0515
🌐 เว็บไซต์: www.maisondunand.com
📲 Instagram: maisondunandbkk