ในวันว่างที่ SOtraveler อยากใช้ช่วงบ่ายให้พิเศษและน่าจดจำ เราเลือกไปที่ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพ (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok) เพื่อสัมผัสประสบการณ์น้ำชายามบ่าย Atelier Tea Reverie ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Atelier Fine Jewellery Collection โดย SIRIVANNAVARI ถ่ายทอดความละเมียดละไมของแฟชั่นและจิวเวลรี สู่โลกของขนมหวานและเมนูของว่างในสไตล์ที่หรูหราและเปี่ยมเสน่ห์

แรงบันดาลใจจากงานจิวเวลรีที่หยิบยกองค์ประกอบของห้องเสื้อกูตูร์ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายจากสายวัด เข็มกลัด หรือโครงแพตเทิร์น ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นผลงานที่จับต้องได้ ผ่านชุดน้ำชายามบ่ายซึ่งเปรียบเสมือนการเดินเข้าสู่สตูดิโอของช่างฝีมือ แต่ละเมนูถูกจัดวางราวกับอยู่ในจิวเวลรีบ็อกซ์ เผยให้เห็นทั้งความละเอียดอ่อนในรสชาติและความวิจิตรในงานนำเสนอ

เบื้องหลังความละเมียดละไมนี้คือ เชฟไซม่อน อิเบอฮาร์ด (Simon Eberhardt) หัวหน้าเชฟเพสทรีผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมโรงแรมหรูมากว่า 15 ปี ผ่านประสบการณ์จากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายแห่งทั่วโลก เขาและทีมงานนำความคิดสร้างสรรค์มารังสรรค์เพสทรีและของหวานทั้งหมดของ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ถ่ายทอดรสชาติที่ผสมผสานเทคนิคดั้งเดิมกับรสสมัยใหม่ได้อย่างแยบยล สร้างสรรค์เมนูที่ไม่เพียงอร่อยกลมกล่อม แต่ยังงดงามราวกับแฟชั่นที่มีชีวิต เชื่อมโยงแรงบันดาลใจจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ต่อเนื่องจากคอนเซ็ปต์ของชุดน้ำชายามบ่ายได้อย่างกลมกลืน

หนึ่งในไฮไลท์ของประสบการณ์นี้ คือการที่เชฟเข็น Trolley มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ เพิ่มบรรยากาศที่ทั้งพิเศษและเป็นกันเอง โดยมีเมนูอย่าง Scallop Ceviche ที่ตกแต่งอย่างวิจิตร ก่อนจะมีการจุดไฟเบา ๆ เพื่อเผยให้เห็นด้านในที่สดใหม่ราวกับงานศิลป์ และ Atelier Macaron ที่นำเสนอในกล่องจิวเวลรีหรูหราพร้อมตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เปรียบเสมือนการมอบอัญมณีชิ้นงามในรูปแบบของขนมหวาน



ก่อนจะเข้าสู่รสชาติของเมนูต่าง ๆ สายตาของเราถูกดึงดูดไปที่ Stand วางขนมซึ่งออกแบบให้เสมือนป่าขนาดย่อม รายล้อมไปด้วยเมนูแสนอร่อยหลากหลายชนิด ควันโปรยพริ้วสร้างบรรยากาศสวยงามและชวนฝัน ขณะเดียวกันวัสดุที่ใช้ยังสะท้อนแนวคิดการรีไซเคิลอย่างมีสไตล์ จากภาพรวมที่ตรึงตา เราจึงค่อย ๆ ลิ้มรส Marinated King Prawn กุ้งคิงเนื้อแน่นหวานเด้ง ท็อปด้วย Royal Project Caviar เพิ่มสัมผัสหรูหราและกลมกล่อมในทุกคำ ตามมาด้วย Foie Gras & Shortbread ฟัวกราส์เนื้อนุ่มละมุน ละลายบนลิ้นด้วยความเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์ ตัดรสด้วยเจลบลูเบอร์รี่ที่มอบความหวานอมเปรี้ยวอย่างประณีต สร้างมิติแห่งรสชาติที่สมดุล



ต่อเนื่องด้วย Chicken Cookies ที่นำเนื้อไก่มารังสรรค์เป็นคุกกี้กรอบนอกนุ่มใน แต่งรสด้วยมะม่วงหวานฉ่ำและแครอทเผ็ดเล็กน้อย ช่วยตัดเลี่ยนและเติมสีสันอย่างลงตัว ก่อนจะขยับมาที่ Crab Sandwich แซนด์วิชชาร์โคลสีดำที่ประกบเนื้อปูสดฉ่ำ รสกลมกล่อมจากมิโสะ งา และหอมเจียวกรอบ เติมความกรุบกรอบและความเข้มข้นในทุกคำ ปิดท้ายด้วย Smoked Salmon Tartare แซลมอนรมควันสับละเอียด คลุกเคล้ากับครีมชีสและดิลล์ แต่งแต้มด้วยเจลมะนาวและดอกไม้สีเหลืองสดใส รังสรรค์เป็นคำที่สดชื่นและงดงามราวกับงานศิลป์


จากนั้นเข้าสู่โลกของความหวานด้วย Coconut Financier ฟินองซิเยร์เนื้อนุ่มที่อบจนหอมกลิ่นมะพร้าว เคล้าความสดชื่นด้วย Lime Gel เพิ่มรสเปรี้ยวบางเบาอย่างละเมียดละไม ต่อด้วย Chocolate Praline ที่นำกล้วยและกะทิมาสร้างรสหวานหอมซ่อนอยู่ในช็อกโกแลตเข้มข้น เติมเต็มทั้งรสชาติและกลิ่นอายเขตร้อนอย่างลงตัว ถัดมาเป็น Raspberry มูสราสป์เบอร์รี่เนื้อนุ่มละมุน ตัดรสด้วยเจลกุหลาบและแครนเบอร์รี่ให้ความสดชื่นหวานเปรี้ยวในคำเดียว และปิดท้ายด้วย Chocolate Bar กานาชดาร์กช็อกโกแลต 64% เคล้าความละเมียดด้วยวิปคาราเมลและประดับด้วยทองคำเปลวระยิบระยับ ราวกับอัญมณีชิ้นหรูที่งดงามทั้งรสและรูป




ความละเมียดละไมยังต่อเนื่องด้วยของหวานแบบแชร์ ไม่ว่าจะเป็น Chocolate Passion Fruit Mousse Tarte ทาร์ตมูสที่ผสานความเข้มข้นของช็อกโกแลตกับรสเปรี้ยวสดชื่นของเสาวรส เนื้อมูสเนียนนุ่มตัดกับความหวานเปรี้ยวที่กลมกล่อมอย่างมีชั้นเชิง หรือจะเป็น Apple-Cinnamon St. Honoré ที่ถูกตีความใหม่ให้หรูหรา ด้วยกลิ่นหอมอบอวลของอบเชยและความหวานฉ่ำของแอปเปิ้ลในสไตล์คลาสสิกที่งดงาม และเมื่อเอ่ยถึง Afternoon Tea ก็ขาดไม่ได้กับ Scone & Condiments ทั้ง Plain Scones ที่อบจนกรอบนอกนุ่มใน รสกลมกล่อมเมื่อทานคู่กับคลอตเต็ดครีม และ Royal Project Strawberry Scones ที่แทรกรสหวานหอมของสตรอว์เบอร์รี่สด เพิ่มความสดชื่นเมื่อทานเคียงกับเบอร์รี่เพรสและครีมอย่างลงตัว



เพื่อเติมเต็มช่วงเวลานี้ สามารถเลือกจับคู่กับ Seasonal Tea Blends by Decentea ชาพิเศษที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันถึง 5 รสชาติ เริ่มจาก A.Sha ที่หอมหวานสดชื่นด้วยมะม่วงและลิ้นจี่ ให้ความรู้สึกเบิกบานอย่างอ่อนโยน ต่อด้วย Can Can Can? ที่เปล่งประกายรสเปรี้ยวหวานของราสป์เบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ เติมความมีชีวิตชีวาในทุกคำจิบ ตามด้วย Coco Caribbean ที่อบอวลด้วยกลิ่นมะพร้าวและสับปะรดทอง ให้บรรยากาศเขตร้อนที่สดใสอย่างลงตัว ถัดมา Grandmother’s Fruit Tray หอมหวานละมุนจากแอปเปิ้ลและพลัม รสกลมกล่อมอบอุ่นเหมือนความทรงจำ และปิดท้ายด้วย Ispahan Rose ที่คลี่ความละมุนละไมของกุหลาบและลิ้นจี่ ถ่ายทอดความสง่างามอย่างอ่อนช้อยในทุกจิบ



Atelier Tea Reverie เปรียบเสมือนการเดินทางเข้าสู่โลกที่แฟชั่นและรสชาติถักทอเป็นหนึ่งเดียว ถ่ายทอดความงดงามจาก Atelier Fine Jewellery Collection โดย SIRIVANNAVARI สู่ประสบการณ์ Afternoon Tea ที่แฝงทั้งความประณีต หรูหรา และความหมายลึกซึ้งในทุกองค์ประกอบ แขกผู้มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งรสชาติและแรงบันดาลใจในคราวเดียว เสิร์ฟทุกวันตั้งแต่เวลา 13:00 – 18:00 น. ณ Lobby Lounge โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok) ราคา 3,200++ บาท สำหรับสองท่าน รวมชาและกาแฟพรีเมียม

Lobby Lounge
- Location: ชั้น 1 โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok)
- Opening Hours: ทุกวัน เวลา 7.00 – 22.00น. | Afternoon Tea เวลา 13.00 – 18.00น.
- Reservations: 02-095-9999 | Email: [email protected]
- Facebook: sindhornkempinski
- Instagram: @sindhornkempinski
- Website: https://www.kempinski.com/en/sindhorn-hotel