เมื่อค่ำคืนสุดพิเศษนี้เราได้มีโอกาสกลับมาเยือน โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok) อีกครั้ง เพื่อร่วมลิ้มลองคอร์สดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากเชฟเคลวิน จาง (Kelvin Cheung) แห่งร้าน Jun’s Dubai เจ้าของอันดับ 7 จาก MENA’s 50 Best Restaurants 2025 ที่บินตรงมาสร้างสรรค์เมนูพิเศษถึงห้องอาหารนิช (Niche) เป็นเวลา 6 วันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 14 – 19 พฤษภาคม 2025
เชฟเคลวิน จาง (Kelvin Cheung) เชฟชาวจีน-แคนาดา ผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ทำร้านอาหารในอเมริกาเหนือ และผ่านประสบการณ์การทำงานในหลายประเทศทั่วโลก เขาคือหัวใจของร้าน Jun’s Dubai ที่คว้าอันดับ 7 จาก MENA’s 50 Best Restaurants 2025 และยังได้รับการแนะนำจากทั้ง Michelin Guide และ Gault & Millau ถึงแนวทางการทำอาหารของเขาที่เรียกว่า “Third Culture Food” คือการนำรสชาติจากวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม มาผสานกับความทรงจำวัยเด็กในอเมริกาเหนือ และเทคนิคร่วมสมัยจากทั่วโลกได้อย่างมีเอกลักษณ์และน่าสนใจ
เริ่มต้นค่ำคืนอย่างละเมียดละไมด้วย Welcome Drink ที่มีกลิ่นหอมของส้มยูสุ เปรี้ยวสดชื่นและช่วยปลุกรสสัมผัสให้เราได้คาดหวังกับจานถัด ๆ ไป จานแรกที่มาเสิร์ฟคือ Oyster หอยนางรมสดเนื้อหวานที่ถูกแต่งรสอย่างพิถีพิถันด้วยเลมอน หอมแดงดอง และโคจิซัมบัล รสเผ็ดนุ่มและหอมกลิ่นหมักจากเอเชียตะวันออก สร้างความประทับใจตั้งแต่คำแรกได้อย่างไม่มีที่ติ

เมนูถัดมาคือ Dry-Aged Sea Bream ที่ยังคงเสน่ห์ความละเมียดละไมในทุกองค์ประกอบ เนื้อปลากะพงแดงที่ผ่านการดรายเอจให้รสหวานนุ่มและเนื้อแน่น ตัดด้วยความเปรี้ยวสดชื่นของแตงโมและหัวไชเท้าน้ำแตงโมที่เสริมมิติของรสชาติ จานนี้มีทั้งความสดใหม่ในเนื้อปลาและความงามในสีสันที่จัดวางมาอย่างละเมียดละไมจนคล้ายงานศิลป์บนจาน

จากเมนูปลามาถึงเมนูที่พาเราข้ามไปยังฟิลิปปินส์อย่าง Kinilaw Amaebi ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูดั้งเดิมของชาวฟิลิปปินส์อย่าง “กินิเลา” ซึ่งใช้เทคนิคการหมักอาหารทะเลสดด้วยน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวคล้ายเซวิเช่ กุ้งอาเมบิเนื้อหวานฉ่ำสามารถทานได้ทั้งตัว เสิร์ฟพร้อมโฟมรสเปรี้ยวของคาลามันซี่ที่ช่วยชูรสให้สดชื่นและซับซ้อนขึ้น จานนี้ทำให้เราได้สัมผัสถึงการเล่นรสชาติแบบเปรี้ยวมันอย่างมีจังหวะที่น่าสนใจ

เมนูต่อมาอย่าง Farmers Bread พาเราหลุดไปสู่ตะวันออกกลางในอารมณ์ที่นุ่มนวล ขนมปังในรูปแบบโรตีที่อบมาอย่างพอดี เสิร์ฟคู่กับสเปรด Zaatar, Foul และเครื่องเทศกลิ่นหอมหลากชนิด เมื่อรับประทานด้วยกัน รสชาติเข้มข้นและสมุนไพรที่อบอวลทำให้เรานึกถึงโต๊ะอาหารแบบครอบครัวในบ้านอบอุ่นของใครสักคน เป็นจานที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมาย เสิร์ฟเคียงกับไวน์ขาวจากนิวซีแลนด์ Schubert ‘Selection’ Sauvignon Blanc, Wairarapa ที่มีความหอมสดชื่น ช่วยตัดความมันของถั่วและเพิ่มมิติให้รสชาติของจานนี้ได้อย่างสมบูรณ์


แล้วก็มาถึงเมนูที่เชฟเคลวินเลือกนำเสนอจากความทรงจำในวัยเด็กอย่าง Singapore Chilli King Crab ซึ่งเป็นเมนูที่คุณแม่ของเขามักทำให้ทานในช่วงเฉลิมฉลองสำคัญ ๆ กลิ่นอายของอาหารจีนสิงคโปร์ยังคงอยู่ครบถ้วน แต่ถูกตีความใหม่ให้ร่วมสมัย เนื้อคิงแครบหวานแน่น ราดด้วยซอสเผ็ดหวานสูตรพิเศษ เพิ่มเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบด้วยเฮเซลนัท และจับคู่กับหมั่นโถวทอดร้อน ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จานนี้ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นเมื่อจับคู่กับไวน์ขาว Peter Lauer Feils Biebelhausen Riesling Fass 13GG, Mosel, Germany ที่มีความหอมและความเปรี้ยวสดชื่น ตัดรสเผ็ดหวานได้อย่างลงตัว เป็นจานที่ทั้งปลอบโยนและทรงพลังในคราวเดียว


ถัดมาเป็น XO Scallops ที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลของเชฟเคลวินที่มีต่อวัตถุดิบธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ “ข้าวโพด” ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบโปรดของเขา หอยเชลล์ชิ้นโตเนื้อฉ่ำถูกปรุงมาอย่างพอดี เสริมรสด้วยลูกพลับหมักโคจิที่มีความหวานนวลแฝงรสอูมามิ และซอสพาร์เมซานการัมที่เติมความเค็มละมุนอย่างกลมกลืน จานนี้คือภาพสะท้อนของการผสมผสานความละเมียดจากโลกตะวันตกและเทคนิคหมักจากเอเชียที่กลายเป็นรสชาติใหม่อันน่าจดจำ จับคู่กับไวน์ขาวจากฝรั่งเศส Domaine Christian Moreau Père & Fils Vaillons, Chablis Premier Cru ที่มอบสัมผัสสดชื่นและแร่ธาตุเบา ๆ ตัดกับความกลมกล่อมของซอสและเนื้อหอยเชลล์ได้อย่างลงตัว

เข้าสู่จานหลักกับ Wagyu Beef Cheeks ที่ถูกเสิร์ฟมาอย่างพิถีพิถัน แก้มวากิวตุ๋นจนนุ่มฉ่ำแทบละลายในปาก รสชาติกลมกล่อมลึกซึ้งด้วยการปรุงอย่างช้า ๆ และใส่ใจ เสิร์ฟคู่กับข้าวจากหม้อดินหอมกรุ่น พร้อมเครื่องเคียงอย่างกิมจิหมูกรอบ ผักดอง และถั่วพู เพิ่มมิติของรสสัมผัสได้อย่างพอเหมาะ จานนี้ถือเป็นการผสานความประณีตของเนื้อวัวคุณภาพสูงเข้ากับวัฒนธรรมการกินแบบเอเชียร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ยิ่งโดดเด่นเมื่อจับคู่กับไวน์แดงจากอิตาลี Travaglini Gattinara DOCG, Piedmont ที่มีรสผลไม้สุกและแทนนินอ่อน ๆ เสริมรสชาติให้แก้มวากิวยิ่งเข้มข้นลุ่มลึกขึ้นอีกขั้น

จบท้ายมื้อค่ำด้วยความละเมียดของ Kaya Toast ที่ถูกตีความใหม่อย่างน่ารักและประณีต แทนที่จะมาในรูปแบบขนมปังปิ้งแบบดั้งเดิม เชฟนำเสนอเป็นเค้กใบเตยเนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสงาดำและครัมเบิลงาที่เพิ่มสัมผัสกรุบเบา ๆ และกลิ่นหอมปนขมบาง ๆ อย่างน่าสนใจ จับคู่กับไวน์หวานจากอิตาลี G.D. Vajra Moscato d’Asti DOCG, Piedmont ที่มอบกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้ขาว ช่วยขับความหอมของใบเตยและตัดรสขมปลายลิ้นได้อย่างพอดิบพอดี จากนั้นตามด้วย Petit Fours สามคำสุดท้ายที่ชวนให้อมยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นเยลลี่หมีรสเสาวรส ราสป์เบอร์รี่ และมะม่วงที่สดใส ต่อด้วยคุกกี้เสี่ยงทายที่แฝงข้อความเซอร์ไพรส์ และช็อกโกแลตจากดูไบที่ทั้งเข้มข้นและหรูหรา เป็นการปิดท้ายที่เปี่ยมด้วยความตั้งใจและรอยยิ้ม

นี่คือค่ำคืนที่เราได้ลิ้มรสความสร้างสรรค์ของเชฟเคลวิน จาง (Kelvin Cheung) อย่างแท้จริง กับประสบการณ์อาหาร 8 คอร์สที่สื่อสารถึงรากวัฒนธรรมจีน ความทรงจำในอเมริกาเหนือ และแรงบันดาลใจจากการเดินทางทั่วโลก ทุกจานล้วนสะท้อนความพิถีพิถันและจินตนาการของเชฟผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่สร้างปรากฏการณ์มาแล้วที่ดูไบ และครั้งนี้… ได้มาเติมเต็มค่ำคืนของกรุงเทพฯ ณ ห้องอาหารนิช (Niche) โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok) ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤษภาคม 2025 โดยราคาสำหรับอาหาร 8 คอร์สอยู่ที่ 4,300++ บาทต่อท่าน และสามารถเพิ่ม Wine Pairing ได้ในราคา 3,900++ บาท
Niche
- Location: ชั้น 1 โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok)
- Opening Hours: ทุกวัน เวลา 17.30 – 24.00น.
- Reservations: 02-162-9000 | Email: [email protected]
- Facebook: SiamKempinskiHotelBangkok
- Instagram: @siamkempinski
- Website: https://www.kempinski.com/en/siam-hotel