W Bangkok ทำให้เราอยากใช้เวลาที่นี่อีกหลายๆวัน โรงแรมแห่งนี้คือการรวมกันของแฟชั่น ดีไซน์ และไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองที่รู้ตัวว่าตัวเองมีรสนิยม ดีไซน์โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และการบริการที่เข้าใจว่าผู้คนสมัยนี้ต้องการทั้งความสะดวกสบายและตัวตน โลเคชั่นตั้งอยู่ใจกลางสาทร ติด BTS ช่องนนทรี เหมาะสำหรับคนอยากพักผ่อนแบบชิคๆโดยไม่ต้องออกจากกรุงเทพ
Arrival & Lobby Experience
เริ่มต้นตั้งแต่ล็อบบี้ของ W Bangkok เปรียบเหมือนกับเป็นแกลเลอรีงานศิลป์ใจกลางเมือง ผนังรีเซ็ปชั่นประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง “Bejeweled Lobby Mural” ที่เล่าเรื่องราวสงครามระหว่างนกฟีนิกซ์และเสือในสไตล์ศิลปะแทททูแบบสักยันต์ (Sak Yant) สัญลักษณ์ของพลังและความโชคดีในวัฒนธรรมไทย อยากชวนให้ทุกคนได้ชื่นชมเมื่อมีโอกาสผ่านมาบริเวณนี้ ส่วนลิฟต์ของโรงแรม บริเวณชั้นล็อบบี้ก่อนขึ้นห้องพักก็มี “Bangkok Nights” ศิลปะการจัดแสงด้วยไฟกว่า 800 ดวงที่จำลองไฟ Tuk Tuk ของกรุงเทพฯ สัญลักษณ์ของเปลี่ยนแปลงจากกลางวันสู่กลางคืนเหมือนชีวิตเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

Room: Studio Suite
W Bangkok มีห้องพักให้เลือกแบบครบครัน โดยทุกห้องปลอดบุหรี่หมดเลยนะ ใครที่ชอบความสะอาด สดชื่น รับรองว่าตอบโจทย์แน่นอน เริ่มจากตั้งแต่ห้องสแตนดาร์ด เหมาะกับคนที่อยากได้ความคลาสสิกแต่ทันสมัย และยังมีดีลักซ์รูม ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการพักผ่อนมากยิ่งขึ้น
ถ้าอยากอัพเลเวลความหรูขึ้นอีกนิด ต้องลองพรีเมียร์รูม กับสตูดิโอสวีท ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า เหมาะกับคนที่อยากได้มุมทำงานหรือพักผ่อนแบบชิล ๆ แต่ถ้าชอบอะไรที่พิเศษสุด ๆ จริง ๆ ต้องส่องเออร์เบิร์นสวีท และซูพรีมสวีท ที่นี่จะเต็มไปด้วยดีไซน์สุดล้ำ และฟีลลิ่งแบบไฮเอนด์จริงจัง แล้วถ้าอยากให้การพักผ่อนเป็นที่สุดของที่สุด ต้องลองเพ้นท์เฮ้าส์ ที่จะพาคุณขึ้นไปสัมผัสวิวเมืองกรุงเทพฯ แบบพาโนราม่า พร้อมดีไซน์สุดคูลที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนฟ้าเลยทีเดียว
พูดเลยว่าที่นี่คือที่พักที่พร้อมตอบโจทย์ทุกสไตล์ และทุกอารมณ์ของนักเดินทางตัวจริง สำหรับครั้งนี้ เราเข้าพักห้องพักแบบสตูดิโอสวีท เปิดห้องเข้ามาก็พบกับชุดต้อนรับที่น่าประทับใจ ทั้งสตรอเบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต การ์ต้อนรับ และเครื่องดื่ม

ลูกสตรอเบอร์รีสดสีแดงฉ่ำที่ให้ความเปรี้ยวหวานกำลังดี เคลือบด้วยช็อกโกแลตเข้มข้นที่ละลายในปากได้อย่างนุ่มนวล ความหวานของช็อกโกแลตช่วยตัดกับความเปรี้ยวของผลไม้ได้ลงตัวแบบพอดี

Studio Suite จะอยู่บนชั้นสูง วิวเมืองกรุงเทพฯ มาพร้อมเตียงคิงไซส์นุ่ม ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนนอนบนก้อนเมฆ ผสมผสานกับฟูกขนนกและผ้าห่มคุณภาพสูง

พร้อมโซนนั่งเล่นแยกต่างหาก มีทั้งโซฟาเก้าอี้ และโต๊ะทำงานที่นั่งสบาย พร้อมปลั๊กไฟและพอร์ต USB ครบครัน

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้ง Wi-Fi และระบบความบันเทิงพร้อมช่องพรีเมียม ในห้องมีมินิบาร์และตู้เย็น เครื่องชงกาแฟและชา น้ำดื่ม ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับความสะดวกสบายได้เต็มที่

ห้องน้ำดีไซน์หรู มีทั้งอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยกกันอย่างชัดเจน พร้อมกระจกแต่งหน้า ให้เราแต่งตัวได้อย่างเต็มที่ อ่างอาบน้ำจะอยู่ชิดกระจก อาบไปชมวิวไป เพลินมาก


Breakfast at The Kitchen Table
มื้อเช้าที่ The Kitchen Table เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่จัดเต็มและน่าประทับใจมาก เราเริ่มจากการสั่ง Eggs Benedict แบบคลาสสิก ราดด้วยซอสฮอลแลนเดสที่เข้มข้นแต่ละลายในปาก ไข่ลวกยางมะตูมเยิ้ม ๆ กับแฮมที่ไม่เค็มเกินไป เสิร์ฟมาอย่างประณีตบน ขนมปังที่อบใหม่กรอบนอกนุ่มใน ใครที่นึกเมนูไม่ออก พนักงานที่นี่พร้อมให้คำแนะนำและให้รายละเอียดได้อย่างครบถ้วน เรียกได้ว่าทุกคนมีรอยยิ้มที่ประทับใจ ดูแลเป็นอย่างดีตลอดมื้ออาหาร กระทั่งเรายังจดจำบรรยากาศรอยยิ้มอันแสนใสของพนักงานในช่วงเวลาอาหารเช้าได้กระทั่งทุกวันนี้
ก๋วยจั๊บญวน เป็นอีกเมนูที่น่าสนใจน้ำซุปหอมกลมกล่อม เส้นเหนียวนุ่มพร้อมเครื่องแน่น ทั้งหมูยอ หมูสับ และยังมีอีกหลากเมนูให้เลือกสั่ง

ในส่วนของไลน์บุฟเฟต์ที่นี่ก็จัดเต็มด้วยหลากหลายสเตชั่น ทั้ง สเตชั่นอาหารไทย สเตชั่นอาหารนานาชาติ เบเกอรี่สดใหม่ ตั้งแต่ครัวซองต์เนยแท้ ขนมปังหลากชนิด ไปจนถึงเค้กและพาย ที่อบทุกวันพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นในอากาศ

เครื่องดื่มก็ไม่ขาดตกบกพร่อง เราสามารถสั่ง ชากาแฟได้ไม่อั้น ทั้งกาแฟเอสเปรสโซ่รสเข้ม ชาต่างๆ หรือน้ำผลไม้สดคั้นใหม่ บาริสต้าที่นี่ใส่ใจทุกแก้ว เติมเต็มรสชาติให้สมบูรณ์แบบ

Evening at W Lounge
ช่วงเย็นเรามุ่งหน้ามาที่ W Lounge บาร์สุดชิคที่ผสมผสานศิลปะไทยกับวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างลงตัว บรรยากาศหรูหราแต่ไม่รู้สึกเกร็ง เหมาะกับการนั่งชิลหลังเลิกงานหรือเจอเพื่อนพูดคุยแบบสบาย ๆ

เมนูที่เราสั่งมาลองคือ Chili Dog Tacos ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของที่นี่ ไส้กรอกชอริโซ่รสเผ็ดนิด ๆ ถูกห่อด้วยแป้งทอร์ติญ่าข้าวโพดกรอบนอกนุ่มใน เสริมด้วยถั่วและเครื่องเทศที่เข้ากันอย่างลงตัว รสชาติเผ็ดเล็กน้อยปลุกความอยากอาหารได้ดี
ส่วนเครื่องดื่มก็ไม่ธรรมดา ที่นี่มีมิกโซโลจิสต์มือโปรที่รังสรรค์ค็อกเทลด้วยความคิดสร้างสรรค์และใส่ลูกเล่นทั้งเรื่องรูปลักษณ์และรสชาติ แก้วที่เราลองมีสีสันสดใส พร้อมกลิ่นหอมของสมุนไพรและผลไม้ต่าง ๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การดื่มอย่างมีสไตล์
บรรยากาศของ W Lounge พร้อมกับอาหารว่างและเครื่องดื่มครีเอทีฟ ช่วยสร้างช่วงเวลายามเย็นที่ผ่อนคลายและมีเสน่ห์แบบไม่เหมือนใคร เป็นมุมที่เราอยากแนะนำให้ใครที่อยากมาสัมผัสความหรูหราในแบบที่ไม่ต้องเคร่งเครียด

Dinner at Paii — Modern Thai Seafood
ค่ำคืนนี้เราปิดท้ายด้วยมื้อพิเศษที่ Paii ห้องอาหารซีฟู้ดไทยโมเดิร์นสุดฮิตซ่อนตัวอยู่ใน The House on Sathorn สถานที่ซึ่งผสานเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโคโลเนียลและความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว Paii มีคอนเซ็ปต์ “Modern Thai Seafood” ที่นำวัตถุดิบท้องถิ่นสดใหม่มาปรุงแต่งด้วยเทคนิคและไอเดียล้ำสมัย ในเมนูมีหลากหลายจานใหม่ที่พัฒนาอย่างพิถีพิถัน เพื่อตอบโจทย์ทั้งสายซีฟู้ดและคนที่ชื่นชอบอาหารไทยกลิ่นอายร่วมสมัยฃ วันนี้เราได้ชิมหลายเมนูเด็ด

ยำสตอเบอร์รี่กุ้งย่าง จานนี้ทำให้เราประทับใจตั้งแต่คำแรก รสเปรี้ยวหวานของสตอเบอร์รี่สดผสมผสานกับความหอมของกุ้งขาวย่างอย่างลงตัว หอมเจียวกรุบ ๆ และพริกที่ให้ความเผ็ดเล็กน้อย ช่วยเติมเต็มความซับซ้อนให้จานนี้มีมิติที่น่าจดจำ

ผัดไทกุ้งล็อบสเตอร์ ที่มาในสไตล์ผัดไทยแบบคลาสสิก แต่ถูกยกระดับด้วยกุ้งล็อบสเตอร์ตัวโตเนื้อแน่น เส้นผัดไทนุ่มหนึบ ผสมกับเต้าหู้และถั่วงอกสดใหม่ รสชาติเข้มข้นแต่ไม่เลี่ยน จานนี้คือการผสมผสานรสชาติไทยแท้ ๆ กับความหรูหราได้อย่างลงตัว

ต้มกะทิเนื้อเค็ม จานนี้เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านรสชาติของแกงกะทิที่เข้มข้น ตุ๋นเนื้อเค็มจนเปื่อยนุ่ม รสชาติเข้มข้นมันกะทิ พร้อมกลิ่นเครื่องแกงที่หอมฟุ้ง ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอาหารบ้านคุณย่า

ปิดท้ายด้วยของหวานที่สร้างความสดชื่นและเติมความหวานอย่างลงตัว ทับทิมกรอบ การนำเสนอไม่เหมือนที่ไหน มีไอศกรีมกะทิ เสิร์ฟแบบหวานเย็นชื่นใจ

ทิรามิสุชาไทย ของหวานฟิวชั่นที่น่าสนใจ นำเอากลิ่นชาไทยเข้มข้นมาผสมกับมาสคาโปนเนียนนุ่ม ทำให้จบมื้อได้อย่างหวานละมุนไม่เลี่ยน

ม็อคเทลก็สร้างสรรค์ได้ดีไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็นอย่าง “The Scents” ที่มีส่วนผสมของโหระพา ตะไคร้ น้ำผึ้ง มะนาว และจิงเจอร์เอล ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มความสดชื่น ส่วน “Green Lemonade” ใช้กีวี่ แอปเปิ้ล สาระแหน่ รสเปรี้ยวหวานกำลังดี

Wellness & Relaxation: Detox Massage and More
ถ้าถามว่าอะไรคือไฮไลต์อีกอย่างที่เราประทับใจนอกจากอาหารและห้องพัก ต้องยกให้ Detox Massage ที่ AWAY Spa ของ W Bangkok เพราะเทคนิคการนวดจะเน้นกระตุ้นระบบน้ำเหลือง เพื่อช่วยขับสารพิษและของเสียที่สะสมในร่างกาย บอกเลยว่าไม่ได้แค่ผ่อนคลายธรรมดา แต่เป็นการล้างพิษ ให้ระบบภายในกลับมาทำงานได้อย่างสมดุล ลดอาการบวมน้ำที่หลายคนมักเจอหลังจากใช้ชีวิตวุ่นวายหนัก ๆ

Away Spa ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของโรงแรม บรรยากาศภายในสปาถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้เรารู้สึกสงบตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา สิ่งที่ประทับใจมากคือความใส่ใจในรายละเอียดของทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกลิ่นอโรมาที่เหมาะกับอารมณ์และความต้องการ เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ที่ช่วยผ่อนคลาย หรือกลิ่นส้มซิตรัสที่ให้ความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า

ในห้องทรีตเมนต์เรายังสามารถเลือกแสงไฟในห้องก็ปรับได้ตามใจ เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่น นุ่มนวล หรือผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้ทุกวินาทีของการบำบัดกลายเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าและเติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจ

ระหว่างนวด เรารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังฟื้นฟูตัวเองอย่างแท้จริง คลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดและเติมพลังใหม่ให้ร่างกายพร้อมลุยต่อในวันถัดไป

นอกจากนี้ ทุกวันเสาร์บ่าย 2 โมง W Bangkok ยังจัดกิจกรรม Sound Healing ที่รวมโยคะ 40 นาที เสียงบำบัด 20 นาที บรรยากาศเงียบสงบจนแทบลืมความวุ่นวายของกรุงเทพฯ


ฟิตเนสชั้น 6 หรือ “FIT Gym” ก็เป็นอีกมุมที่เราแวะไป ชอบดีไซน์ที่มีกราฟิก Hanuman ตัวละครจากรามเกียรติ์ที่ดูแข็งแกร่งสดใส มันให้แรงบันดาลใจเราทุกครั้งเวลาฝึกหนัก พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครันให้เลือกใช้อย่างเต็มที่


สุดท้ายอยากพูดถึง AWAY Spa ที่มีห้องทรีตเมนต์ถึง 6 ห้อง รวมถึงห้องสวีทสำหรับคู่รัก ซาวน่า จากุซซี่ และห้องฮัมมัม เป็นพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโอเอซิสส่วนตัว แค่ก้าวเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความสงบและการดูแลอย่างประณีต การได้แช่จากุซซี่ที่นี่ก็เป็นอะไรที่เพลินมาก

WET Deck สระว่ายน้ำกลางแจ้งบนชั้น 6 มีดีไซน์เหมือนลูกตาที่เปล่งประกายด้วยไฟใยแก้วออปติกในตอนกลางคืน มีบาร์ริมสระและเตียงคาบาน่าที่เหมาะสำหรับพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว

Urban Escape Promotion
เราขอแนะนำแพ็กเกจ Urban Escape สำหรับคนที่อยากพักผ่อนยาว ๆ อย่างน้อย 2 คืน จะได้สิทธิพิเศษดังนี้
- อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านทุกวัน
- เครดิตสปา 1,000 บาทต่อการเข้าพัก 1 ครั้ง (ใช้กับเมนูอาลาคาร์ท)
- ซักรีดฟรีสูงสุด 4 ชิ้นต่อคืน
- ส่วนลด 20% สำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม และบริการซักรีดเพิ่มเติม
- ขยายเวลาเช็คเอาท์ถึง 14:00 น.
รหัสโปรโมชั่น: ZJ1
ระยะเวลาการจองและเข้าพัก: วันนี้ – 24 ธันวาคม 2568
จองและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/WBangkokLC
โทร. 02 344 4000