ในหุบเขาทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ท่ามกลางภูมิทัศน์ของไร่องุ่นที่ทอดยาวสุดสายตา มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่า Assignan ที่ซ่อน “หัวใจของความยั่งยืน” เอาไว้อย่างงดงาม ที่นี่คือ Château Castigno Sustainable Wine Resort หมู่บ้านที่มีชีวิตเรียบง่ายผสานปรัชญาธรรมชาติและการใช้ชีวิตเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น
Castigno คือชุมชนขนาดย่อมที่เกิดจากความฝันของผู้ประกอบการชาวเบลเยียม Marc Verstraete ผู้ต้องการสร้างสถานที่ที่ผู้คนสามารถ “ชะลอจังหวะชีวิต” และกลับมารับรู้พลังของโลกอีกครั้ง ในที่แห่งนี้ ทุกสิ่งดำเนินไปตามจังหวะของพระจันทร์ พลังของดิน และความตั้งใจของผู้คนที่เชื่อว่า “การฟื้นฟูโลก จะเริ่มต้นจากวิถีชีวิตประจำวัน”
แนวคิดของ Château Castigno: มากกว่าการปลูกพืช คือการฟื้นฟูธรรมชาติ
ทุกตารางเมตรใน Castigno คือบทเรียนเรื่อง “การอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเคารพ” พื้นที่แห่งนี้ถูกพัฒนาโดยยึดหลัก Organic Agriculture และ Biodynamic Farming ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดของเกษตรอินทรีย์
การเพาะปลูกใน Castigno ไม่ได้เร่งผลผลิต แต่ให้ธรรมชาติเป็นผู้กำหนดจังหวะของการเติบโต ทุกขั้นตอนตั้งแต่การแต่งกิ่ง การพรวนดิน ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ถูกทำด้วยมือโดยช่างฝีมือท้องถิ่น และใช้ม้าแทนเครื่องจักร เพื่อให้ผืนดินหายใจได้อย่างเป็นอิสระ ดินจึงไม่ถูกกดทับ และยังคงมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์รอบข้าง

แม้แต่ปุ๋ยที่ใช้ก็ผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่หมักด้วยวิธีดั้งเดิม เพื่อรักษาวัฏจักรชีวิตในดิน ทุกกระบวนการออกแบบให้เกิดการหมุนเวียนของพลังงานโดยไม่สร้างของเสีย ที่นี่ไม่เพียงปลูกพืช แต่ “ปลูกความสมดุล” ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
ความหมายของ Biodynamic Farming: เมื่อจังหวะของจักรวาลคือหัวใจของการเพาะปลูก
แนวทาง Biodynamic Agriculture เกิดจากแนวคิดของ Rudolf Steiner นักปรัชญาชาวออสเตรียผู้เชื่อว่าฟาร์มคือสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวที่มีจิตวิญญาณในตัวเอง ในไร่หนึ่งจึงต้องมีทั้งดิน สัตว์ พืช และจุลินทรีย์ที่อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล
ใน Castigno ทุกกระบวนการเพาะปลูกอิงกับ “ปฏิทินจันทรคติ” ที่ใช้ระยะข้างขึ้นข้างแรมเป็นเข็มทิศกำหนดวันเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว พลังของธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถูกนำมาใช้กำหนดกิจกรรมในแต่ละวัน เช่น การพรวนดินในวันธาตุดิน หรือการหมักปุ๋ยในวันธาตุน้ำ เพื่อให้ธรรมชาติมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลผลิต สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพียงผลผลิตที่ “ดีต่อสุขภาพ” แต่เป็นผลผลิตที่มี “ชีวิต” อยู่ในทุกหยาดน้ำ ทุกใบไม้ และทุกคนที่ร่วมลงแรง

มาตรฐานระดับโลกที่การันตีความยั่งยืน
Château Castigno ได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกหลายแห่งที่มุ่งเน้นด้านเกษตรอินทรีย์และชีวพลวัต ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความทุ่มเทในรายละเอียดทุกขั้นตอน
- AB (Agriculture Biologiques) – ใบรับรองเกษตรอินทรีย์แห่งชาติของฝรั่งเศส ที่อนุญาตให้ใช้เฉพาะสินค้าที่มีส่วนประกอบอินทรีย์มากกว่า 95%
- EU Organic Logo – สัญลักษณ์ใบไม้ดาวสีเขียวที่การันตีว่าทุกกระบวนการเป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป
- Ecocert – องค์กรตรวจสอบด้านเกษตรอินทรีย์ที่เก่าแก่และเข้มงวดที่สุดในยุโรป
- Demeter International – องค์กรรับรองเกษตรชีวพลวัตระดับโลกที่เชื่อมโยงแนวคิดทางจิตวิญญาณเข้ากับการเพาะปลูก
ใบรับรองเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงความสำเร็จทางธุรกิจ แต่เป็นสัญลักษณ์ของ “ความซื่อสัตย์ต่อธรรมชาติ” ที่ทีมงานทุกคนในหมู่บ้านนี้ยึดถือเป็นหัวใจ

เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
สิ่งที่ทำให้ Castigno มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือการที่ไม่ได้เป็นเพียง “ไร่” หรือ “รีสอร์ต” แต่คือ ชุมชนแห่งแรงบันดาลใจ สถานที่ที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ศิลปิน เกษตรกร และผู้คนจากทั่วโลกที่อยากเรียนรู้วิถีแห่งความยั่งยืน
ภายในหมู่บ้าน มีเส้นทางเล็ก ๆ ที่ทอดผ่านไร่องุ่นสลับกับอาคารสีแดงอิฐและม่วงไวน์ที่ตั้งเรียงรายอย่างมีจังหวะ บ้านแต่ละหลังได้รับการบูรณะอย่างประณีตจนยังคงกลิ่นอายของหมู่บ้านฝรั่งเศสยุคกลาง แต่ผสานความร่วมสมัยไว้อย่างลงตัว ยามบ่าย แสงอาทิตย์จะส่องผ่านใบไม้สีทองอร่าม เกิดเงาเคลื่อนไหวบนพื้นดินเหมือนภาพวาดที่มีชีวิต เสียงหัวเราะของผู้คนที่มาร่วมกิจกรรมในหมู่บ้านผสมกับเสียงม้ากระทบพื้นและเสียงลมพัดผ่านไร่องุ่น กลายเป็นท่วงทำนองธรรมชาติที่ฟังแล้วสงบอย่างบอกไม่ถูก

Château Castigno Sustainable Wine Resort คือเรื่องราวของ “ความสัมพันธ์ที่งดงามระหว่างมนุษย์กับโลก”
มันคือหลักฐานที่ยืนยันว่าความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องห่างไกลจากความสุข หากเรารู้จักชะลอจังหวะ ฟังเสียงของธรรมชาติ และลงมือทำด้วยหัวใจ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ที่แห่งนี้ยังคงเติบโตอย่างเงียบงาม เติบโตไปพร้อมกับผู้คนที่เชื่อในพลังของความเรียบง่ายและศรัทธาว่า “การกลับสู่ธรรมชาติคือคำตอบที่แท้จริงของชีวิต”
จาก Assignan ถึงกรุงเทพฯ ค่ำคืนที่เราได้รู้จัก Château Castigno ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ไม่นานมานี้ คุณ Marc Verstraete ผู้ก่อตั้ง Château Castigno ได้นำจิตวิญญาณของหมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นอ็อกซิทานี มาสู่ใจกลางกรุงเทพฯ ผ่านอีเวนต์สุดพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อแบ่งปันแนวคิดและเรื่องราวเบื้องหลัง Château Castigno ให้ผู้คนในเมืองใหญ่ได้สัมผัส ค่ำคืนนั้นไม่ได้เป็นเพียงการพบปะเท่านั้น หากแต่เป็น การเดินทางทางความคิด ที่เชื่อมระหว่างสองโลก โลกของธรรมชาติที่สงบนิ่งใน Assignan กับโลกแห่งจังหวะชีวิตที่เร่งรีบในกรุงเทพฯ

งานถูกจัดขึ้นในบรรยากาศที่อบอุ่น เรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยความตั้งใจ แสงไฟสีอำพันนวลตาสะท้อนผนังห้องสีขาว เสียงดนตรีเบา ๆ ลอยคลอเคล้าไปกับเสียงสนทนาของผู้คนที่ค่อย ๆ เปิดใจต่อกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้ม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และคำถามที่ชวนให้เรากลับมาคิดถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความยั่งยืน” ในชีวิตประจำวันของเราเอง
คุณมาร์คเดินทักทายทุกโต๊ะด้วยรอยยิ้ม เขาเล่าเรื่องราวของ Château Castigno ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่นราวกับกำลังเล่าประวัติชีวิตของคนคนหนึ่งที่เขารักอย่างสุดหัวใจ เขาเล่าว่าครั้งแรกที่เดินทางมาถึง Assignan หมู่บ้านแห่งนั้นแทบจะร้างผู้คน บ้านเก่าทรุดโทรมและไร่ถูกทิ้งร้าง แต่เขากลับเห็น “โอกาสในการฟื้นคืนชีวิต” มากกว่าซากอิฐเก่า ๆ เขาเริ่มลงมือบูรณะทีละหลัง ใช้วัสดุรีไซเคิลและแรงงานจากคนในชุมชน พร้อมวางแนวทางการทำเกษตรแบบ Biodynamic เพื่อให้ทั้งหมู่บ้านกลับมาเติบโตด้วยตัวเอง

“ผมอยากให้ที่นี่เป็นมากกว่าไร่ เป็นที่ที่ธรรมชาติจะได้พูด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เขาเล่าถึงการใช้ม้าแทนรถไถ เพราะไม่อยากให้แรงสั่นสะเทือนของเครื่องจักรทำลายโครงสร้างของดิน เล่าถึงการปลูกพืชตามจังหวะของดวงจันทร์ และการสร้างหมู่บ้านจากวัสดุที่มีอยู่แล้วโดยไม่ต้องเบียดเบียนธรรมชาติ เขาเชื่อว่า “เมื่อเราทำทุกอย่างด้วยความเคารพ ดินจะตอบแทนเราด้วยพลังชีวิตที่แท้จริง”

ผู้คนในงานนั่งฟังอย่างตั้งใจ บางช่วงมีเสียงพยักหน้าคล้อยตาม บางช่วงมีเสียงหัวเราะเบา ๆ จากเกร็ดชีวิตที่เขาเล่าด้วยอารมณ์ขัน แต่สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้เหมือนกันคือ “ความจริงใจ” ความเชื่อที่ไม่ได้เกิดจากทฤษฎี หากเกิดจากการลงมือทำจริง และการใช้ชีวิตอยู่กับผืนดินจริง ๆ เรามองเห็นประกายตาของเขาเวลาพูดถึงหมู่บ้าน Assignan ดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนคนกำลังพูดถึงบ้านของตัวเอง

เมื่อบทสนทนาในคืนนั้นจบลง สิ่งที่หลงเหลืออยู่ไม่ใช่เพียงความรู้ แต่คือแรงบันดาลใจบางอย่างที่แผ่วเบาแต่ลึกซึ้ง
มันทำให้เราตระหนักว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่โครงการระดับโลก หากแต่เริ่มต้นจากความตั้งใจของคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เชื่อว่าแม้การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ แต่มันสามารถส่งต่อพลังไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
ค่ำคืนนั้น เราไม่ได้เพียงรู้จัก Château Castigno มากขึ้น แต่เรายังได้รู้จักคำว่า “ความยั่งยืน” ในความหมายที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ความยั่งยืนที่ไม่ใช่แนวคิดในตำรา หากเป็น วิถีชีวิตที่เริ่มจากหัวใจที่เชื่อในธรรมชาติ
รู้จัก Château Castigno เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://castignothailand.com Line ID : @castignothailand หรือ E-mail : [email protected]