หากพูดถึงอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ ที่ผสานเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมเข้ากับความหรูหราเหนือระดับ จาโรคา บาย อินดัส (Jharokha by Indus) คือชื่อที่ต้องกล่าวถึง ด้วยแรงบันดาลใจจากราชวงศ์แห่งราชสถาน ถ่ายทอดผ่านบรรยากาศและจานอาหารที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความโอ่อ่า จาโรคา บาย อินดัส ไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหาร แต่เป็นการเดินทางผ่านรสชาติและศิลปะการปรุงที่ประณีต วิจิตร และเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของความร่วมสมัย ถ่ายทอดด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงโดยฝีมือเชฟที่เข้าใจลึกซึ้งในวัฒนธรรมอาหารอินเดียอย่างแท้จริง

เมื่อขึ้นสู่ชั้น 2 ของอาคาร Erawan Bangkok ความงดงามของอินเดียร่วมสมัยก็เผยโฉมอย่างน่าประทับใจ โดยภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน เริ่มต้นที่โซนแรกซึ่งเป็นบาร์หรูหราตกแต่งด้วยโทนสีครามและทอง สะท้อนแสงแวววาวราวกับการต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างนุ่มนวล ก่อนจะก้าวเข้าสู่โซนรับประทานอาหารที่อบอวลด้วยบรรยากาศหรูหราและอบอุ่น รายละเอียดทุกจุดได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่ผนังไม้ฉลุลาย ภาพจิตรกรรมยูนิคอร์นและนกยูง ไปจนถึงครัวเปิดที่สามารถชมการปรุงอาหารอย่างใกล้ชิด พร้อมวิวแยกราชประสงค์เบื้องหน้าอันน่าประทับใจ




แรงบันดาลใจของเมนูใน จาโรคา บาย อินดัส (Jharokha by Indus) ล้วนสืบทอดมาจาก Jaipur Polo Club หนึ่งในสัญลักษณ์ของความสง่างามและรสนิยมชั้นสูงของราชวงศ์อินเดีย อาหารแต่ละจานถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความยิ่งใหญ่ผ่านเทคนิคการปรุงดั้งเดิม อาทิ การย่างด้วยเปลวไฟบนเตาถ่าน ซึ่งเป็นหัวใจของครัวอินเดียแบบโบราณ แล้วเสริมความทันสมัยด้วยเตา Kopa ที่ช่วยแต่งกลิ่นควันบางเบาแสนละเมียดละไม อาหารที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงมื้ออาหาร หากแต่คือการเดินทางผ่านกาลเวลา ที่หลอมรวมความคิดสร้างสรรค์ ความร่วมสมัย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้งไว้อย่างวิจิตรในทุกคำ

มื้อค่ำที่จาโรคา บาย อินดัส เริ่มต้นด้วย Amuse Bouche สีเหลืองสดใสในคำขนาดพอดี เค้กถั่วนึ่ง (Dhokla) เนื้อแน่นแต่นุ่มละลาย เสิร์ฟคู่โยเกิร์ตรสเปรี้ยว ซอสมะม่วงหวานละมุน และมะขามรสเปรี้ยวซ่อนเปรี้ยว เพิ่มมิติด้วยซอสผักชีหอมสดชื่น เป็นคำทักทายจากครัวที่ปลุกประสาทรับรสได้อย่างน่าประทับใจ

ถัดจากคำแรก เชฟนำเสนอ Raj Kachori อีกหนึ่งจานที่ทั้งสร้างสรรค์และน่าตื่นตา เริ่มต้นด้วยการแต้มซอสหลากสีลงบนผ้าขาวอย่างปราณีตดั่งจิตรกร ก่อนวางแป้งพองทรงกลมตรงกลาง และราดโยเกิร์ตแช่ไนโตรเจนเหลวที่ไหลเย็นฉ่ำ เมื่อแป้งแตกเผยให้เห็นไส้ด้านในที่รวมมันฝรั่งบด ชัทนีย์มะขาม ผักชี และเส้นกรุบกรอบ เป็นคำที่เปรี้ยว หวาน สดชื่น และกลมกล่อมอย่างลงตัว ราวกับการนำสตรีทฟู้ดมาแปลงโฉมเป็นงานศิลป์ร่วมสมัย


Bhuna Kaleji คือการผสานรสชาติอย่างกล้าหาญกับรายละเอียดอันประณีต เสิร์ฟบน Rose Cookie คุกกี้ทอดบางกรอบทรงดอกไม้ สวยงามดุจงานศิลป์ ท็อปด้วยตับไก่บดปรุงรสเข้มข้นเนื้อเนียนนุ่ม เพิ่มความละมุนด้วยซอสมะม่วงเชื่อมที่หวานหอมและแฝงกลิ่นเครื่องเทศอ่อน ๆ ในคำเดียวจึงเต็มไปด้วยชั้นเชิงแห่งรสชาติและความคิดสร้างสรรค์ที่ตราตรึงใจ

Batak Seekh Kebab เสิร์ฟเนื้อเป็ดบดหมักเครื่องเทศสูตรเฉพาะ ย่างในเตาแทนดูร์จนได้กลิ่นหอมอบอวล เสิร์ฟคู่ซอสสับปะรดรสเปรี้ยวหวานละมุนช่วยตัดเลี่ยน เนื้อเคบับแน่นแต่นุ่ม ฉ่ำและซึมกลิ่นควันบาง ๆ ได้อย่างกลมกล่อม เป็นจานที่สะท้อนถึงความประณีตในการปรุงและความเข้าใจในวัตถุดิบอย่างแท้จริง

ถัดมาคือ Artichoke Masala เมนูมังสวิรัติที่ทั้งละเมียดและโดดเด่น อาร์ติโช้ครมควันกลิ่นหอม ยัดไส้ชีสและถั่วบดให้เนื้อสัมผัสแน่นนุ่ม ก่อนนำไปอบจนมีกลิ่นเย้ายวน เสิร์ฟบนซอสมะเขือเทศและหอมแดงที่เคี่ยวจนข้น ให้รสเข้มแต่ไม่กลบรสวัตถุดิบหลัก เมื่อรับประทานคู่กับแป้งนานย่างจนหอมฟู ยิ่งเสริมความกลมกล่อมในทุกคำอย่างลงตัว เป็นจานที่แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันของครัวอินเดียในอีกแง่มุมที่งดงาม

Champaran Gosht คือแกงแพะสูตรโบราณจากแคว้น Bihar ที่เคี่ยวช้า ๆ ในหม้อดินจนเครื่องเทศซึมลึกเข้าเนื้อ เสิร์ฟพร้อมกระเทียมในน้ำมัน หอมแดงดอง และมันฝรั่งคลุกเครื่องเทศ ซึ่งช่วยเติมรส ตัดเลี่ยน และเสริมมิติให้กับจานได้อย่างกลมกล่อม กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวและมัสตาร์ดโชยมาเมื่อเปิดฝาหม้อ เผยให้เห็นเนื้อแพะรสเข้มที่หนึบแน่นในทุกคำ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่สะท้อนรากเหง้าของอาหารพื้นถิ่นอินเดียได้อย่างลึกซึ้ง




อีกหนึ่งจานที่ควรลิ้มลองคือ Mewar Malai Biryani ข้าวบาสมาติหุงด้วยหญ้าฝรั่นอย่างพิถีพิถัน คลุกเคล้ากับครีมมาซาล่าและเนื้อแพะที่เคี่ยวจนนุ่มละลาย หอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อน ๆ และกลิ่นมินต์จากใบสด เสิร์ฟคู่ Raita โยเกิร์ตเย็นรสเปรี้ยวผสมทับทิมและเครื่องเทศ ช่วยตัดรสและเพิ่มมิติให้กับจานนี้อย่างสมดุล

ของหวานจานสุดท้ายคือ Utsav ซึ่งหมายถึง “เทศกาล” ในภาษาสันสกฤต ชื่อที่สะท้อนความรื่นรมย์และการเฉลิมฉลองได้อย่างงดงาม เนื้อครีมกะทิเนียนละมุนขึ้นรูปเป็นครึ่งลูกมะพร้าว เสิร์ฟพร้อม Mango Rabri รสหวานมันเข้มข้น และซอร์เบต์มะม่วงหญ้าฝรั่น Kesar Aam Sorbet ที่สดชื่นเปรี้ยวหวานพอดี ทุกองค์ประกอบจัดเรียงอย่างวิจิตร สะท้อนทั้งความพิถีพิถันและความคิดสร้างสรรค์ เป็นบทสรุปแห่งค่ำคืนที่หรูหราและน่าจดจำ

ระหว่างมื้ออาหารที่ละเมียดละไม จาโรคา บาย อินดัส เสิร์ฟเครื่องดื่มหลากหลายเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ โดยเฉพาะ Patiala Old-Fashioned ค็อกเทลกลิ่นอายอินเดียที่นำวิสกี้ผสานกลิ่นไหม้บางของซินนามอนและ dash ของ bitters ได้อย่างกลมกล่อมลงตัว ขณะเดียวกัน Royal Bloom ม็อกเทลสำหรับผู้ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยไซรัปดอกอัญชัน โซดา และกลิ่นกานพลูบางเบา ให้รสหวานหอมละมุนชวนสดชื่น



จาโรคา บาย อินดัส (Jharokha by Indus) จึงไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหารอินเดีย หากแต่คือเวทีที่เปิดพื้นที่ให้ศิลปะการปรุงอาหารได้เปล่งประกายอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบของความร่วมสมัยที่ยังเคารพรากเหง้าวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้แน่นแฟ้น ทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่วัตถุดิบที่คัดสรรด้วยความใสใจ เครื่องเทศที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัว เทคนิคการปรุงอันละเมียดละไม ไปจนถึงการจัดจานที่เปี่ยมเสน่ห์ ล้วนถักทอขึ้นเป็นเรื่องเล่าที่กินได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาอาหารที่มอบมากกว่าความอิ่ม หากแต่คือประสบการณ์แห่งการเดินทางที่เต็มไปด้วยรสชาติ ความทรงจำ และความประทับใจ

Jharokha by Indus
- Location: ชั้น 2 Erawan Bangkok
- Opening Hours: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.30 – 22.30น.
- Reservations: 082-997-3399
- Facebook: jharokhabyindus
- Instagram: @jharokhabyindus
- Website: https://www.jharokhabyindus.com/