ในโลกของการเดินทางและการค้นหารสชาติใหม่ ๆ บางครั้งก็มีจุดหมายที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ร้านอาหาร” หากแต่เป็นสถานที่ที่กลั่นกรองประสบการณ์จากหลายวัฒนธรรม จนกลายเป็นการนำเสนอความงดงามอย่างลึกซึ้งในทุกรายละเอียด และ ลูมิ (Lumi) ณ โรงแรมอะเมเนอร์ เชียงใหม่ (AMANOR Hotel Chiang Mai) คือหนึ่งในนั้น

ชื่อ Lumi ได้รับแรงบันดาลใจจากคำว่า Illumination หมายถึงการส่องสว่าง นำเสนอแนวคิดของการจุดประกายประสบการณ์ใหม่ให้ผู้มาเยือน ผ่านการรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความละเมียดของศิลปะอิตาเลียนที่ถูกแต่งแต้มด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นจากเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง หรือความสมดุลระหว่างรสชาติที่คุ้นเคยกับความแปลกใหม่ที่แฝงอยู่ในทุกคำ

ภายในห้องอาหาร Lumi ได้รับการออกแบบอย่างร่วมสมัย ผสานกลิ่นอายท้องถิ่นได้อย่างน่าหลงใหล ตั้งแต่การใช้เส้นสายอันเฉียบคม พื้นผิวที่ละมุนละไม ไปจนถึงจังหวะแสงที่อบอุ่น โดยมีไฮไลท์คือแผงไฟระยิบระยับบนเพดานที่เปล่งประกายเสมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณียี่เป็ง หรือเทศกาลลอยโคมสุดตระการตาของเชียงใหม่ ตอกย้ำแนวคิด Illumination ที่อยู่เบื้องหลังชื่อของร้าน ทุกองค์ประกอบสะท้อนถึงเอกลักษณ์ ที่ไม่ใช่เพียงผ่านรสชาติของอาหาร แต่ผ่านการตกแต่งทุกมุมอย่างมีศิลปะ


เบื้องหลังทุกจานอาหารคือ เชฟทนงศักดิ์ มณีกาศ หรือ เชฟปรินซ์ เชฟชาวเชียงใหม่ที่เติบโตมาในครอบครัวข้าราชการ และถูกหมายมั่นปั้นมือให้เดินตามรอยสู่เส้นทางราชการเช่นเดียวกับครอบครัว หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านครุศาสตร์ เส้นทางชีวิตของเขากลับพลิกผันเมื่อออกเดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย ที่นั่นเขาได้ค้นพบความหลงใหลในโลกของการทำอาหาร และสั่งสมประสบการณ์จากการทำงานในร้านอาหารระดับรางวัลที่เมืองเพิร์ธ นำแนวคิดร่วมสมัยกลับมาสู่บ้านเกิด พร้อมผสานเทคนิคดั้งเดิมเข้ากับการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลอย่างยั่งยืน

เชฟปรินซ์ ได้รับแรงบันดาลใจจาก เชฟเวอร์จิลิโอ มาร์ติเนซ ด้วยแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบท้องถิ่นและการเคารพวัฒนธรรมดั้งเดิม เขาเชื่อว่าอาหารแต่ละจานควรมีเรื่องราวของตัวเอง และ Lumi คือเวทีในการถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาในแบบที่สะท้อนถึงตัวตนของเชียงใหม่อย่างแท้จริง ภายใต้ปรัชญา “Italian Craft, Local Character” ที่เน้นการผสานเทคนิคและศิลปะการทำอาหารแบบอิตาเลียนเข้ากับเสน่ห์เฉพาะตัวของวัตถุดิบและวัฒนธรรมท้องถิ่น

คราวนี้ SOtraveler มีโอกาสได้ร่วมงาน Grand Opening ซึ่งเปรียบเสมือนการเปิดบ้านต้อนรับแขกแก้วในนาม Lumi งานนี้เราได้สัมผัสความตั้งใจของเชฟปรินซ์ที่ถ่ายทอดผ่านหลากหลายเมนู เริ่มต้นอย่างประทับใจด้วย Aperitivo จานแรกอย่าง Burrata Brioche ความนุ่มละมุนของชีสบูราต้าสดใหม่ที่วางเรียงอย่างประณีตบนบริออชกรอบนอกนุ่มใน เสริมรสด้วยมะเขือเทศญี่ปุ่นสายพันธุ์ท้องถิ่นและใบโหระพา ราดด้วยน้ำมันมะกอกสกัดเย็นและบัลซามิกกลิ่นหอมบางเบา เรียกน้ำย่อยได้อย่างละเมียดละไมตั้งแต่คำแรก


ต่อเนื่องที่เมนู Primo อย่าง Kao Soi Prawns ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจานที่สร้างความประทับใจอย่างล้นหลาม กลิ่นหอมเย้ายวนของซอสข้าวซอยที่หอมกรุ่นชวนให้อยากซดจนหยดสุดท้าย บะหมี่กรอบวางทับบนราวิโอลีเนื้อนุ่ม และกุ้งตุ๋นที่ละลายในปาก ประสานเข้ากับน้ำซุปข้าวซอยเข้มข้นที่ละเมียดละไมในทุกอณู รสชาติกลมกล่อมแต่ทรงพลัง ทำให้จานนี้กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ยากจะลืมในค่ำคืนนั้น

พร้อมเข้าสู่เมนู Secondo หรือเมนูจานหลักอย่าง Wagyu Short Ribs เนื้อวากิวส่วนซี่โครงที่ผ่านการตุ๋นอย่างช้า ๆ จนได้เนื้อนุ่มละลายในปาก ราดด้วยซอสไวน์แดงผสานกลิ่นทรัฟเฟิลสุดหรู เสิร์ฟคู่กับญ็อคกี้โฮมเมดเนื้อนุ่มเบา และโรยหน้าด้วยพาร์เมซานขูด ทุกองค์ประกอบเรียงร้อยกันอย่างวิจิตร เป็นจานที่มอบความหรูหราในทุกคำได้อย่างแท้จริง

ปิดท้ายด้วย Dolce ที่ถึงแม้จะอิ่มเพียงใด ก็ไม่อาจปฏิเสธเมนู Tiramisu นี้ได้ เรียกว่าเป็นบทสรุปอันแสนละมุน ชิ้นเลดี้ฟิงเกอร์นุ่มแน่นซึมซับเอสเปรสโซเข้มข้นอย่างพอดี สลับชั้นกับมาสคาโปนเนื้อละมุน ก่อนปิดท้ายด้วยผงโกโก้เนื้อเนียนจากดัตช์ ความหวานขมที่สมดุลในแต่ละชั้นช่วยทิ้งรสสัมผัสประทับใจอย่างยาวนาน เป็นการปิดฉากมื้อค่ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หลังจากมื้อค่ำอันน่าประทับใจ SOtraveler ยังได้พักผ่อนต่อที่ โรงแรมอะเมเนอร์ เชียงใหม่ (AMANOR Hotel Chiang Mai) โรงแรมบูทีคสุดหรูใจกลางนิมมานเหมินท์ ซึ่งบริหารโดยกลุ่ม Amanor Hospitality มีห้องพักทั้งหมด 3 แบบให้เลือกสรร โดยพิเศษสุดสำหรับทริปนี้ เราได้พักในห้อง Premier Suites ที่มาพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ภายในห้อง ให้ได้แช่ตัวผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราแต่แฝงความอบอุ่น ภายในโรงแรมตกแต่งอย่างร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนาไว้อย่างกลมกลืน ห้องพักโปร่งสบาย มอบทั้งความสะดวกสบายและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน





นอกจากมื้อค่ำอันน่าประทับใจ ในเช้าวันถัดมายังได้กลับมาสัมผัสบรรยากาศที่ Lumi อีกครั้ง กับอาหารเช้าที่จัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน มีให้เลือกหลากหลายทั้งเมนูไทยและนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มร้อน ๆ อาหารเช้าสไตล์ตะวันตก หรือเบเกอรี่อบสดใหม่ เพิ่มเติมคือการเสิร์ฟด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นและบริการที่ใส่ใจในรายละเอียด เติมเต็มพลังอย่างสมบูรณ์แบบก่อนเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส



การได้มาสัมผัส Lumi คือการเปิดประตูสู่โลกที่ศิลปะการกินและวัฒนธรรมท้องถิ่นหลอมรวมกันอย่างงดงาม ทุกจานอาหารเปี่ยมด้วยเรื่องราวที่ร้อยเรียงด้วยความตั้งใจ พร้อมจุดประกายความทรงจำใหม่ ๆ ตามแนวคิด Illumination ที่ส่องสว่างในทุกอณูของประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา อาหารที่เต็มไปด้วยเรื่องราว หรือการพักผ่อนแสนสบายที่ โรงแรมอะเมเนอร์ เชียงใหม่ (AMANOR Hotel Chiang Mai) ซึ่งเติมเต็มการเดินทางนี้ด้วยความหรูหราและเสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่ นี่คือการเดินทางที่ยากจะลืม และเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ควรค่าแก่การมาเยือน
Lumi
- Location: ชั้น 1 โรงแรมอะเมเนอร์ เชียงใหม่ (AMANOR Hotel Chiang Mai)
- Opening Hours: ทุกวัน เวลา 7.00 – 23.00น.
- Reservations: 053-216-219 | Email: [email protected]
- Facebook: lumirestaurantchiangmai
- Instagram: @lumi_restaurantchiangmai
- Website: https://amanorhotels.com/







