มีบางสถานที่ที่ไม่ได้เป็นเพียงที่พัก หากแต่เป็นประสบการณ์ที่หลอมรวมประวัติศาสตร์ รายละเอียด และความรู้สึกไว้ด้วยกัน โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (Mandarin Oriental, Bangkok) คือหนึ่งในนั้น การเข้าพักของ SOtraveler ครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนการหยุดเวลา เพื่อเปิดใจรับรู้ถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในทุกรายละเอียด

ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ล็อบบี้ พนักงานทุกคนต่างทักทายด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเอง ราวกับเราคือคนคุ้นเคยที่กลับมาเยือนอีกครั้ง กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของโอเรียนเต็ลก็โอบล้อมเราอย่างนุ่มนวล พร้อมบรรยากาศสุดคลาสสิกที่สะท้อนเสน่ห์ของวันวาน ผสานกับการบริการที่ประณีตในทุกมิติ ทั้งยังได้รับการยกย่องด้วย 3 MICHELIN Keys ในปี 2025 และรางวัลระดับโลกอีกมากมาย สะท้อนถึงมาตรฐานอันเป็นเลิศ ทั้งด้านคุณภาพ การบริการ และประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง

เบื้องหลังความเป็นเลิศในวันนี้ ล้วนมีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานและวิสัยทัศน์ที่ล้ำยุค โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2419 โดยใช้ชื่อว่า The Oriental Hotel นับเป็นโรงแรมริมแม่น้ำแห่งแรกของกรุงเทพฯ และยังเป็นโรงแรมแห่งแรกของประเทศที่มีการใช้ระบบไฟฟ้า บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์อันล้ำสมัยตั้งแต่ยุคเริ่มต้น จึงไม่แปลกที่ที่นี่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าราชวงศ์ นักเดินเรือ นักเขียน และบุคคลสำคัญจากทั่วโลก ที่ต่างประทับใจกับเสน่ห์และการบริการแบบโอเรียนเต็ลที่เปี่ยมด้วยหัวใจ

A Serene Stay by the River
ในการเข้าพักครั้งนี้ เราได้พักในห้อง Deluxe Premier Room หนึ่งในห้องพักยอดนิยมของฝั่ง River Wing ห้องนี้มีพื้นที่กว้างขวางและโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่สูงจรดเพดาน เปิดรับแสงแดดอ่อนยามเช้าและวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไม่มีสิ่งใดกั้นสายตา ความเรียบหรูในโทนสีอบอุ่น ผสานกับแสงธรรมชาติที่แทรกซึมเข้ามาในทุกมุมห้อง ช่วยเติมความรู้สึกสบายและผ่อนคลายได้อย่างน่าประทับใจ อีกหนึ่งรายละเอียดที่โดดเด่นคือการตกแต่งด้วยสีเขียวเซลาดอน (Mandarin Oriental Celadon Green) ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของโรงแรม ที่แทรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของห้องอย่างกลมกลืน เพิ่มกลิ่นอายความสง่างามและความเป็นตัวตนของแมนดาริน โอเรียนเต็ล ได้อย่างมีรสนิยม







เตียงขนาดใหญ่ที่นอนสบายราวกับปุยนุ่น พร้อมหมอนและชุดเครื่องนอนคุณภาพสูง ช่วยให้การพักผ่อนยามค่ำคืนเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ และแน่นอนว่าการบริการในแบบฉบับ “M.O.” จะต้องมี Butler ผู้รู้ใจคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การจัดกระเป๋า เตรียมอ่างอาบน้ำ ไปจนถึงการแนะนำเมนูพิเศษในแต่ละมื้อ เขาหรือเธอผู้นี้สามารถจดจำได้แม้กระทั่งด้านที่เราชอบนอน รายละเอียดเล็กน้อยที่เรามักมองข้าม หรือสิ่งที่เราต้องการโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและเปี่ยมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง





Rooms that Reflect Thai Elegance
ห้องพักของโรงแรมแบ่งออกเป็นสองฝั่งหลัก ได้แก่ River Wing และ Garden Wing พร้อมห้องพักหลากหลายรูปแบบ รองรับทั้งผู้เข้าพักเพื่อการพักผ่อนและการเดินทางเชิงธุรกิจ ไล่ตั้งแต่ Deluxe Premier Room, Deluxe Balcony Room, Chao Phraya Room, Mandarin Room, State Room ไปจนถึงห้องสวีทอันหรูหราอย่าง Authors’ Suite, Chao Phraya Suite และ Oriental 2-Bedroom Suite ซึ่งเป็นห้องที่หรูหราที่สุดของโรงแรม


ทุกห้องได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยผ้าไหมไทย เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง และของประดับที่สะท้อนกลิ่นอายความเป็นไทยร่วมสมัย โดยเฉพาะห้องสวีทแต่ละห้อง ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เพิ่มเสน่ห์ให้กับการเข้าพักอย่างแท้จริง เสริมด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oriental Essence ซึ่งผสานความหอมของมะลิ กระดังงา และไม้จันทน์ไว้อย่างกลมกลืน เป็นอีกหนึ่งสัมผัสที่ช่วยเติมเต็มอารมณ์แห่งการพักผ่อนได้อย่างลึกซึ้งตั้งแต่แรกก้าวสู่ห้องพัก




Riverside Romance at The Verandah
มื้อค่ำที่ The Verandah ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา คืออีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ด้วยบรรยากาศโรแมนติกท่ามกลางเสียงน้ำไหลและแสงไฟระยิบระยับจากแม่น้ำ เราเริ่มต้นมื้อด้วย Ahi Tuna Nicoise สลัดทูน่าสดที่ปรุงรสมาอย่างกลมกล่อม ตามด้วย Australian Wagyu MS 3+ Tenderloin เนื้อวากิวนุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดงรสเข้มข้น เติมเต็มรสชาติในแบบที่ลงตัว


แม้ร้านอาหารอิตาเลียน Ciao Terrazza จะอยู่ในช่วงพักเบรกประจำปี ทางโรงแรมก็ยังไม่ทำให้เราผิดหวัง ด้วยการจัดเสิร์ฟเมนูพิเศษที่ The Verandah อย่างพิถีพิถัน เราได้ลิ้มรส Vitello Tonnato เนื้อลูกวัวสไลซ์บางนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมซอสปลาทูน่ารสนวลกลมกล่อม ตามด้วย Risotto Ai Funghi ที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นทรัฟเฟิลและความครีมมี่ในทุกคำ ปิดท้ายด้วย Tiramisu เนื้อเนียนนุ่ม โรยผงโกโก้เข้มข้นและกลิ่นกาแฟที่แทรกอยู่ในทุกชั้นอย่างลงตัว เป็นมื้อค่ำที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรายละเอียดที่ชวนประทับใจไม่รู้ลืม


A Morning Ritual to Remember
มื้อเช้าเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ใส่ใจในทุกองค์ประกอบ นำเสนอไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติที่หลากหลาย พร้อมมุมปรุงสดและเมนูพิเศษประจำวันที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เราเริ่มต้นวันด้วยขนมปังอบใหม่จากเตา ผลไม้ตามฤดูกาล และจานเด่นอย่าง Oriental Eggs ที่เสิร์ฟบนครอฟเฟิลกรอบนอกนุ่มใน พร้อมไข่ดาวน้ำ แซลมอนรมควัน อะโวคาโดบด ไข่ปลาคาเวียร์ Avruga และซอสฮอลแลนเดสเนื้อเนียน อีกหนึ่งจานคือ Truffled Mushrooms ที่ใช้มัฟฟินอังกฤษเป็นฐาน วางไข่ดาวน้ำ และราดด้วยซอสทรัฟเฟิลฮอลแลนเดสกลิ่นหอมเข้มข้น ทุกอย่างยิ่งลงตัวเมื่อได้จิบชาหอมอบอุ่นหรือกาแฟอาราบิก้าเข้มข้นริมระเบียง ท่ามกลางแสงแดดอ่อนและเสียงเรือหางยาวที่แล่นผ่านอย่างแผ่วเบา





The Oriental Spa “A Journey to Inner Harmony”
อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดคือการผ่อนคลายที่แท้จริง ณ The Oriental Spa สปาแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดหมายระดับตำนาน สปาแห่งนี้ตั้งอยู่ในเรือนโบราณฝั่งตรงข้ามโรงแรม โดยมีเรือของโรงแรมนำแขกล่องข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังสถานที่แสนพิเศษแห่งนี้ ตัวอาคารไม้คลาสสิกที่ออกแบบในสไตล์ตะวันออก มอบบรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ราวกับตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง




เราเลือกทรีตเมนต์นวดอโรมา Oriental Signature หนึ่งในโปรแกรมยอดนิยมของ The Oriental Spa ที่โดดเด่นด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นละมุน และเทคนิคการนวดที่สามารถปรับจังหวะหนักเบาได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังสามารถระบุจุดที่ต้องการเน้นหรือหลีกเลี่ยงได้ตามความพึงพอใจ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้เพื่อการใช้บริการในครั้งถัดไป เปรียบเสมือนมีผู้ดูแลเฉพาะตัวที่รู้ใจเราทุกครั้งที่กลับมา ทุกสัมผัสจึงสะท้อนถึงความใส่ใจอย่างแท้จริง บรรยากาศที่เงียบสงบ ผสานกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอโรมาที่โอบล้อมทั่วทั้งสปา ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างล้ำลึกในทุกมิติ





Decades of Devotion Behind the Scenes
อีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนถึงความมั่นคงของโรงแรม คือทีมพนักงานที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์และความรักในสถานที่แห่งนี้ หลายคนร่วมงานที่นี่มานานหลายทศวรรษ เปรียบเสมือนผู้เฝ้ามองการเปลี่ยนผ่านของกาลเวลา และเป็นหัวใจสำคัญของการสืบทอดวัฒนธรรมการบริการแบบโอเรียนเต็ลที่อบอุ่นและลึกซึ้ง ความประทับใจที่เราสัมผัสได้ ไม่ได้เกิดจากเพียงรอยยิ้มและคำทักทายเท่านั้น หากยังสะท้อนอยู่ในความใส่ใจที่ส่งผ่านทุกการกระทำ และเปี่ยมด้วยคุณค่า
SOtraveler มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณมยุรี เลาลักษณเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นหน้าตาของโรงแรม และร่วมงานมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี “ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน รู้สึกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่เป็นสถานที่ที่มอบโอกาส ให้คุณค่า และให้หัวใจได้ทำในสิ่งที่รัก ท่ามกลางผู้คนที่รัก” คุณมยุรีกล่าว พร้อมเล่าถึงประสบการณ์ที่น่าจดจำในช่วงเวลานั้นว่า “การได้ต้อนรับบุคคลสำคัญจากทั่วโลก ทั้งพระราชอาคันตุกะ คณะรัฐบาล ศิลปินระดับโลก หรือแม้แต่แขกประจำที่กลับมาเยือนกว่า 200 ครั้ง ล้วนเป็นเกียรติที่ล้ำค่า โรงแรมแห่งนี้คือ ‘Place to be seen’ หรือสถานที่ที่ผู้คนระดับแนวหน้ามักเลือกปรากฏตัว และบางครั้งแขกก็มานั่งจิบชายามบ่าย แล้วได้พบคนดังอย่างไม่คาดคิด”
อีกเหตุผลที่ทำให้คุณมยุรีรู้สึกผูกพันกับที่นี่อย่างลึกซึ้ง คือโอกาสในการเติบโตที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ข้ามแผนก การสลับบทบาทในหลากหลายตำแหน่ง หรือการได้รับเลือกให้ไปร่วมเปิด โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในต่างประเทศในฐานะ Exchange Ambassador ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือโอกาสที่พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงได้จริง ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมให้เธอผู้นี้ซาบซึ้งถึงคุณค่าของอาชีพ และมองว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่แค่สถานที่ทำงาน แต่คือบ้านที่เติมเต็มทั้งบทบาทและหัวใจ
แม้โลกจะหมุนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ความผูกพันในแบบ “ครอบครัว M.O.” ยังคงเหนียวแน่น ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่เชื่อมโยงกันทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อองค์กรเปิดกว้างให้พนักงานได้เติบโตในหลากหลายมิติ ทั้งในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ที่อบอุ่นดั่งครอบครัว ที่ซึ่งการช่วยเหลือกันเป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร ไม่ว่าคนรุ่นไหนก็พร้อมหยิบยื่นมือให้กันเสมอ และนั่นเองที่กลายเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านทุกการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน คุณมยุรียังกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่เปรียบเสมือนนาฬิกาหรูเรือนหนึ่ง ไม่มีฟันเฟืองไหนที่ไม่สำคัญ ทุกคนล้วนมีบทบาทในการขับเคลื่อนโรงแรมแห่งนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม และนั่นคือเหตุผลที่เรายังอยู่ตรงนี้ เพราะเชื่อมั่นในคุณค่าของสถานที่แห่งนี้และผู้คนที่ร่วมสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน”

Thoughtful Details, Effortless Comfort
นอกจากการอำนวยความสะดวกที่ถ่ายทอดผ่านบุคลากรผู้ใส่ใจในทุกรายละเอียดแล้ว โรงแรมยังเปี่ยมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่รังสรรค์มาเพื่อเติมเต็มทุกช่วงเวลาของการเข้าพักอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำริมแม่น้ำขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยสวนเขียวชอุ่ม เสริมบรรยากาศให้รื่นรมย์และสงบผ่อนคลาย อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สร้างรอยยิ้มให้แขกมาอย่างยาวนานคือไอศกรีมกะทิสดที่พนักงานเข็นรถมาเสิร์ฟถึงริมสระ รสชาติหอมมันด้วยกลิ่นใบเตยและเสน่ห์แบบไทย ๆ ที่ยังคงสืบสานอย่างไม่เปลี่ยนแปลง



สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ Fitness & Wellness Centre ของโรงแรมก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน พร้อมคลาสออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ มวยไทย พิลาทิส ไปจนถึงคลาสฝึกสมาธิแบบไทยดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีสนามเทนนิสพร้อมโค้ชผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยเพิ่มทักษะทั้งการตีโฟร์แฮนด์ แบ็คแฮนด์ และโวลเลย์อย่างมืออาชีพ เพื่อให้การออกกำลังกายของคุณเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและความสนุกในทุกครั้งที่ได้ลงสนาม



ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่เราประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแท้จริง โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (Mandarin Oriental, Bangkok) ไม่ใช่เพียงโรงแรมระดับห้าดาว แต่คือโรงแรมระดับตำนานที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะการให้บริการ ที่นี่ไม่เพียงต้อนรับผู้มาเยือน หากยังเก็บรักษาความทรงจำของพวกเขาไว้เสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิต ณ สถานที่แห่งนี้ เปี่ยมด้วยความใส่ใจและรายละเอียดที่ไม่เคยหลุดสายตา ตั้งแต่เสียงทักทายของพนักงานที่ร่วมทางกับโรงแรมมายาวนาน ไปจนถึงบรรยากาศคุ้นเคยที่โอบล้อมเราทุกครั้งที่ก้าวผ่านโถงทางเดิน หากกำลังมองหาการพักผ่อนที่ลึกซึ้งและเปี่ยมด้วยความหมาย ที่นี่คือจุดหมายปลายทางที่ควรมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต


Exceptional Offers with “Experience the Legend”
หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์พักผ่อนที่หลอมรวมความหรูหรา ความสงบ และการดูแลอย่างรู้ใจ แพ็กเกจ Experience the Legend คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยสิทธิประโยชน์ที่คัดสรรมาอย่างพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักแบบ Deluxe Premier Room พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านที่ The Verandah และทรีตเมนต์นวดไทยหรือนวดน้ำมันที่ The Oriental Spa ระยะเวลา 60 นาทีสำหรับ 2 ท่าน รวมถึงเครดิตโรงแรมมูลค่า 2,000 บาท สำหรับสมาชิก Fan of M.O. ทั้งหมดนี้ในราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียง 15,999++ บาทต่อคืน และหากเลือกอัปเกรดห้องพักเป็นประเภทอื่น ยังได้รับสิทธิ์ในการเพิ่มระยะเวลาทำสปา รวมถึงเครดิตที่มากขึ้นอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งโอกาสดีในการสัมผัสบริการระดับตำนาน ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (Mandarin Oriental, Bangkok)
Contact Information & Booking Details
Mandarin Oriental, Bangkok
ที่อยู่: 48 ซอย โอเรียนเต็ล อเวนิว เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
การจองห้องพัก:
- Email: [email protected]
- โทรศัพท์: 02-659-9000
Social Media:
- Facebook: MandarinOrientalBangkok
- Instagram: @mo_bangkok
- Website: www.mandarinoriental.com/bangkok



