เปลี่ยนบรรยากาศวันหยุดให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความละเมียดละไม ด้วยมื้อกลางวันสุดพิเศษที่ห้องอาหาร Ms.Jigger ณ โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ (Kimpton Maa-Lai Bangkok) ที่พร้อมเสิร์ฟ Weekend Set Lunch สไตล์อิตาเลียนแท้ เติมเต็มด้วยกลิ่นอายแห่งความหรูหราและความอบอุ่นแบบฉบับยุโรปใต้ เลือกอิ่มอร่อยได้ทั้งแบบ 2-Course และ 3-Course ในรูปแบบ All You Can Eat ซึ่งทุกจานถูกรังสรรค์ด้วยความใส่ใจโดยเชฟชาวอิตาเลียน ถ่ายทอดรสชาติแท้ ๆ จากต้นตำรับ

Ms.Jigger คือห้องอาหารอิตาเลียนที่ถ่ายทอดกลิ่นอายของการเดินทางผ่านรสชาติอาหาร โดยมีแรงบันดาลใจจากตัวละครสมมุติ “Ms.Jigger” หญิงสาวผู้มากเสน่ห์ที่เดินทางรอบโลกและหยิบยกเรื่องราวของสถานที่ต่าง ๆ มาร้อยเรียงลงในเมนูอาหารและค็อกเทลอย่างมีชั้นเชิง ท่ามกลางบรรยากาศเรียบหรูที่ผสมผสานความคลาสสิกและความร่วมสมัยอย่างลงตัว Ms.Jigger จึงไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารสำหรับดินเนอร์ในยามค่ำคืน แต่ยังพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนในช่วงกลางวันด้วยเซตเมนูที่ออกแบบมาเพื่อให้ทุกมื้อเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข

Weekend Set Lunch ที่นี่มีให้เลือกทั้งแบบ 2-Course (950 บาทสุทธิ) และ 3-Course (1,050 บาทสุทธิ) ซึ่งมื้อพิเศษนี้ประกอบด้วย Cold Cuts & Cheese เสิร์ฟไม่จำกัด ตามด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย (Antipasti), สลัด (Insalate), เมนูจานหลัก (Main Course) และของหวาน (Dessert) สำหรับผู้ที่เลือกแบบ 3-Course ทั้งสองแบบมาพร้อมเครื่องดื่ม Soft Drink, Coffee หรือ Tea หนึ่งแก้ว มื้อกลางวันจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอีกต่อไป ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ของร้านที่เปิดรับแสงธรรมชาติและอบอวลด้วยกลิ่นหอมของอาหารอิตาเลียนสดใหม่ เหมาะสำหรับการใช้เวลาในวันหยุดให้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ว่าจะมาคนเดียว มาพร้อมเพื่อนรู้ใจ คนในครอบครัว หรือคนรัก ก็ล้วนสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันได้ในบรรยากาศผ่อนคลายเช่นนี้

เราประเดิมมื้อกลางวันด้วยการลิ้มลอง Cold Cuts & Cheese ที่จัดวางมาบนถาดไม้ ทั้ง Prosciutto di Parma, Salame Milano, Mortadella และ Spianata Calabra ที่ช่วยปลุกความอยากอาหารได้อย่างละเมียดละไม เมื่อจับคู่กับชีสหลากหลายสายพันธุ์อย่าง Grana Padano, Piave Mezzano และ Provolone ซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดีเยี่ยม ทุกชิ้นให้รสสัมผัสที่แตกต่างแต่น่าจดจำ วางเคียงมากับขนมปังสดใหม่ที่หอมกลิ่นอบอุ่นพอเหมาะ เพลิดเพลินจนเผลอใจทานไปหมดแบบไม่รู้ตัว เป็นการเริ่มต้นที่ช่วยเปลี่ยนจังหวะของวันให้เนิบช้า นุ่มนวล และพร้อมสำหรับเมนูถัดไปของมื้อนี้

เมื่อเปิดรับรสชาติแรกได้อย่างละมุน เราก็เดินทางต่อเข้าสู่เมนูสลัด หรือ Insalate ที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Insalata di Riso, Insalata Pugliese หรือ Insalata di Patate แต่ในครั้งนี้เราเลือกลองเป็น Insalata Primavera สลัดที่ให้สัมผัสสดชื่นจากผักสดหลากชนิด ผสานความหวานฉ่ำของส้มแมนดาริน บีทรูท และความกรุบกรอบของอัลมอนด์สไลซ์ ทำให้รู้สึกเบาสบายเหมาะกับช่วงกลางวัน ส่วนอีกจานที่เลือกคือ Insalata Greca สลัดสไตล์กรีกที่มาพร้อมแตงกวา มะเขือเทศ มะกอกดำ หอมแดง และเฟตาชีส ที่ให้รสเค็มมันอย่างพอดี เป็นอีกมิติของความสดชื่นที่แตกต่างแต่กลมกล่อมไม่แพ้กัน

ต่อเนื่องจากจานสลัด เรามาต่อกันที่หมวด Antipasti ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Olive, Carpaccio di Branzino หรือ Bruschette Assortite สำหรับครั้งนี้ เราเริ่มต้นด้วย Pettole Salentine ขนมทอดสไตล์อิตาเลียนตอนใต้ที่เชฟเล่าว่าเป็นหนึ่งในเมนูโปรดในวัยเด็ก ทำจากแป้งพาสต้านวดมือ ทอดจนได้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน แซมด้วยมะกอกและชีสเล็กน้อย เคี้ยวเพลินอย่างไม่รู้ตัว ต่อด้วย Focaccia con Mortadella ขนมปังโฟคาเซียที่อบมาร้อน ๆ เนื้อนุ่มและหอม เสิร์ฟพร้อมมอร์ตาเดลล่าที่มีรสละมุนละไม และปิดท้ายด้วย Focaccia con Funghi ที่ชวนให้หลงใหลในกลิ่นของเห็ดผัดหอม ๆ และชีสที่เยิ้มกำลังดีบนแป้งกรอบนอกนุ่มใน เป็นอีกสามจานเรียกน้ำย่อยที่ชวนให้ใจอ่อนตั้งแต่คำแรก


เมื่อเดินทางมาถึงจานหลัก แต่ละเซตสามารถเลือกได้ 1 เมนูจาก Pasta, Pizza หรือ Secondi ซึ่งเราตัดสินใจลองสองเมนูในสองสไตล์ที่แตกต่างกัน เริ่มจาก Fettuccine alla Bolognese พาสต้าสดเส้นหนาที่ให้สัมผัสนุ่มหนึบ ซึมซับซอสเนื้อเข้มข้นที่เคี่ยวมาอย่างพิถีพิถัน รสกลมกล่อมหอมกลิ่นสมุนไพรอิตาเลียน และยิ่งละมุนเมื่อได้ชีส stracciatella ด้านบนที่เติมมิติความนุ่มละลาย ส่วนอีกจานคือ Bistecca al Pepe Nero เนื้อสเต๊กหั่นบางสไตล์อิตาเลียน เสิร์ฟพร้อมซอสพริกไทยดำรสเข้มที่ช่วยขับความหวานของเนื้อได้อย่างมีชั้นเชิง เคียงด้วยมันบดเนียนนุ่มและแครอทอ่อนอบหวานธรรมชาติ เป็นคู่ที่ลงตัวทั้งรสชาติและสัมผัส


และเมื่อมื้อหลักผ่านพ้นไปอย่างละเมียดละไม Set แบบ 3-Course ก็ยังมีพื้นที่ให้ปิดท้ายด้วยของหวานอีกหนึ่งเมนู เราเลือกเริ่มจาก Tiramisu ขนมหวานอิตาเลียนคลาสสิกที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยเลเยอร์ของเลดี้ฟิงเกอร์ชุ่มกาแฟ มาสคาโปเนครีมนุ่ม และ Irish Cream ที่เพิ่มความกลมกล่อมอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะปิดฉากมื้อนี้ด้วย Pistachio Gelato ไอศกรีมเนื้อเนียนที่หอมกลิ่นถั่วพิสตาชิโอชัดเจน เสิร์ฟพร้อมอัลมอนด์ครัมเบิลที่เพิ่มมิติกรุบกรอบอย่างลงตัว เป็นบทส่งท้ายที่ช่วยทิ้งรอยยิ้มไว้ได้อย่างนุ่มนวล


สายดื่มอย่างเราย่อมไม่พลาดที่จะขอลองเครื่องดื่มจาก Ruby’s ซึ่งโดดเด่นไม่แพ้เมนูอาหาร เครื่องดื่มแต่ละแก้วได้แรงบันดาลใจจากคุณสมบัติของอัญมณีแท้ ๆ และรังสรรค์ด้วยเทคนิคที่น่าสนใจ เริ่มต้นที่แก้วแรก Ruby ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความเข้มลึกและสีแดงอมม่วงของทับทิม ใช้ส่วนผสมอย่าง Gin, Beetroot และ Raspberry ผสมผสานกับกลิ่นเครื่องเทศเบา ๆ ที่ให้รสซับซ้อนและสง่างาม ส่วนอีกแก้วคือ Diamond ที่มาในโทนโปร่งใส เย็นนวล และน่าหลงใหล มีการใช้ Clarified Milk Punch เป็นเทคนิคหลัก เสริมด้วย Don Julio Blanco, Hokkaido Yogurt และ Pear ให้ความรู้สึกสะอาด บริสุทธิ์ และละมุน ปิดท้ายด้วยการแต่งแต้มกลิตเตอร์ระยิบระยับที่ตอกย้ำคาแรกเตอร์ของเพชรได้อย่างน่าประทับใจ โอกาสหน้าคงต้องกลับมาลองแบบจัดเต็มให้ครบทุกแก้วแน่นอน

สำหรับใครที่อยากใช้วันหยุดให้เป็นช่วงเวลาพักใจแบบเนิบช้า Ms.Jigger กับ Weekend Set Lunch ณ โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ (Kimpton Maa-Lai Bangkok) คือหนึ่งในประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน ทั้งเรื่องรสชาติ บรรยากาศ และความคุ้มค่า ด้วยราคา 950 ถึง 1,050 บาทสุทธิ ที่รวม Cold Cuts & Cheese แบบไม่จำกัด และเมนูที่เลือกได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสายสลัด สายเนื้อ หรือสายของหวาน ก็สามารถปรับจังหวะของมื้อให้ตรงกับความชอบได้อย่างละเมียดละไมในทุกคำ
Ms.Jigger
- Location: โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ (Kimpton Maa-Lai Bangkok)
- Opening Hours: ร้านเปิดทุกวัน 11.30 น. – 24.00 น. (Weekend Set Lunch 11:30 น. – 17:00 น.)
- Reservations: 02-056-9999
- Facebook: ms.jigger
- Instagram: @ms.jiggerWebsite: www.kimptonmaalaibangkok.com