โลกแห่งขนมหวานกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) เปิดตัวเซตน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษ 101 Days of Summer Afternoon Tea ที่รังสรรค์ร่วมกับ เชฟฆัวกิน โซเรียโน (Chef Joaquin Soriano) เชฟขนมหวานระดับโลกผู้หลอมรวมเทคนิคฝรั่งเศสเข้ากับจินตนาการสุดแฟนตาซี ถ่ายทอดเป็นผลงานที่ทั้งน่ารัก สนุกสนาน และเต็มไปด้วยรายละเอียดอันแสนประณีต ทุกเมนูล้วนถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับนักชิมอย่างแท้จริง

การมาของ เชฟฆัวกิน โซเรียโน (Chef Joaquin Soriano) จึงเปรียบเสมือนการเติมเต็มความฝันของเหล่านักชิมให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในกรุงเทพฯ ของศิลปินขนมหวานระดับโลกผู้ผ่านประสบการณ์จากครัวมิชลินอย่าง Le Meurice และ Alain Ducasse รวมถึงการสั่งสมชื่อเสียงในฐานะเชฟแห่งร้าน Relais Dessert ในไต้หวัน เชฟได้นำเทคนิคชั้นสูงมาผสานกับแนวคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขอบเขต โดยมี เชฟอันเดรีย โบนาฟฟินี (Chef Andrea Bonaffini) เชฟขนมหวานประจำโรงแรม ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดผลงานชุดนี้ให้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ความทรงจำ และความประณีตในทุกจุดสัมผัส


แรงบันดาลใจจากอนิเมะ แฟชั่น และเทพนิยาย ถูกเชฟตีความใหม่ด้วยมุมมองอันเฉียบคมและสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดลงในขนมหวานแต่ละชิ้นอย่างพิถีพิถันจนกลายเป็นงานศิลปะที่ลิ้มรสได้ เซต 101 Days of Summer Afternoon Tea จึงเปรียบเสมือนกล่องมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยสีสัน กลิ่นอายของความฝัน และดีไซน์สุดเซอร์ไพรส์ที่รอให้ค้นพบในทุกคำ เสมือนเปิดนิทานเล่มโปรดที่มีรสชาติในทุกบท

บทแรกของนิทานขนมหวานเริ่มต้นอย่างสดชื่นด้วย Madai Ceviche with Coconut, Pomegranate & Pistachio ปลามาไดหมักรสนุ่มละมุน เสิร์ฟในกะลามะพร้าววางบนหมอกจาง ๆ เสริมบรรยากาศราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ เสริมมิติรสชาติด้วยทับทิมและพิสตาชิโอกรุบกรอบ ตามด้วย Watermelon Tartare & Osietra Caviar เมนู Savory Delicacies ที่ผสมผสานความหวานฉ่ำของแตงโมเข้ากับไข่ปลาคาเวียร์ออสเซียตราอย่างลงตัว ต่อด้วย Blue Belly Shrimps, Mango & Coriander Canelé ที่จัดวางอย่างประณีตภายในแตงกวาสไลซ์บาง ห่อหุ้มกุ้งหวาน มะม่วงสุก และกลิ่นผักชีที่แฝงความสดใสไว้อย่างพอเหมาะ




รสชาติยังคงดำเนินต่อด้วย Duck Confit, Daikon & Mangosteen Sablé เนื้อเป็ดตุ๋นจนแน่นนุ่ม วางบนแผ่นหัวไชเท้าบาง ๆ และซาเบลกรอบ เพิ่มความหวานละมุนด้วยมังคุดสดจากไทยที่ช่วยตัดรสอย่างลงตัว ถัดมาคือ Pickled Pineapple Foie Gras, Lemon Verbena Toast เมนูทรงสามเหลี่ยมที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมจากฟัวกราส์และสับปะรดดอง เสริมกลิ่นสมุนไพรอย่างเบา ๆ จากเลมอนเวอร์บีนา และปิดท้ายจานคาวด้วย Blue Crab Tartlet, Pomelo, Makrut Tiramisu ที่นำเนื้อปูทะเลแน่น ๆ มาผสานกับส้มโอฉ่ำหวาน ราดซอสหอมมะกรูดในสไตล์ทีรามิสุที่ทั้งแปลกใหม่และกลมกล่อม



ถึงเวลาของความอ่อนหวานในคอลเลกชัน Petit Mignon Collection ที่รังสรรค์ขนมชิ้นเล็กแต่เต็มไปด้วยรายละเอียด เริ่มต้นด้วย Mini Anna, Cherry, Dark Chocolate, Raspberry Jelly ขนมลูกกลมสีฟ้าประดับผีเสื้อที่ภายในซ่อนความเข้มข้นของดาร์กช็อกโกแลต เชอร์รี่ และเยลลี่ราสป์เบอร์รี่ไว้อย่างนุ่มนวล ต่อด้วย Charlotte, Choux, Strawberry Jelly, Vanilla Chantilly ชูส์เนื้อเบาแต่งกลิ่นวานิลลา พร้อมไส้สตรอว์เบอร์รี่เจลลี่หอมหวาน ตามมาด้วย Citrus Baba, Grapefruit & Orange, Citrus Jasmine Ganache ขนมบาบ้าชุ่มฉ่ำที่แต่งกลิ่นมะลิอ่อน ๆ มอบความสดชื่นอย่างอ่อนโยน



รสสัมผัสของขนมหวานยังดำเนินต่อด้วย Passion Tart, Almond Cream, Raspberry Marmalade สีเหลืองทองสวยงามที่อัดแน่นไปด้วยครีมอัลมอนด์เนื้อเนียน หอมมัน ตัดรสด้วยราสป์เบอร์รีมาร์มาเลดที่เปรี้ยวหวานพอดี เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ทุกคำ ตามด้วย Macadamia & White Chocolate Cookie คุกกี้เนยกรอบนอกนุ่มในที่โรยหน้าด้วยถั่วแมคคาเดเมียคั่วและไวท์ช็อกโกแลตหอมละมุน จากนั้นจบช่วงขนมชิ้นเล็กด้วย Soft Serve ไอศกรีมเนื้อเนียนกลิ่นผลไม้เมืองร้อน เสิร์ฟพร้อมผลไม้สดอย่างมีชีวิตชีวา ให้ทั้งความหวาน สดชื่น และความชุ่มฉ่ำในคำเดียว



เสน่ห์ของเซตน้ำชายังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีเมนู Surprise ที่เติมความสนุกสนานให้กับโต๊ะน้ำชาอย่าง Snail, Strawberry Gel, Coconut Rice Pudding ขนมรูปหอยทากที่ทำจากครัวซองต์เนื้อบางเบา ด้านในสอดไส้เจลสตรอว์เบอร์รี่หอมหวาน ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนวัยกลับไปในโลกนิทาน และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทุกโต๊ะต้องอมยิ้มคือ Frog เจ้ากบสีเขียวสุดน่ารักที่แม้มองภายนอกอาจดูแข็ง แต่ทันทีที่ผ่ากลับเผยให้เห็นครีมเนื้อนุ่มหอมละมุนด้านใน แม้จะไม่ได้รวมอยู่ในเซตน้ำชายามบ่าย แต่ก็เป็นหนึ่งในขนมที่หลายคนอดใจไม่ไหวที่ลิ้มลอง


สำหรับเครื่องดื่มในเซต ยังมีให้เลือกหลากหลายเมนูที่ทั้งสร้างสรรค์และสดชื่น ไม่ว่าจะเป็น Citrus Cold Brew Cascara Foam, Osmanthus Latte, Pineapple Coconut Espresso Fizz, Kanom Thai, Cacao Husk Tea, Coffee Blossoms Blend, Thai Milk Iced Tea และ Jasmine Cold Brew ซึ่งล้วนได้รับการคิดค้นมาให้เข้ากับขนมหวานแต่ละชิ้นได้อย่างลงตัว หรือจะลองเมนูพิเศษอย่าง Very Berry ที่รวมความเปรี้ยวซ่าของเบอร์รี่แดง เข้ากับความสดของมะนาว กลิ่นหอมของใบโหระพา ก่อนปิดท้ายด้วยโซดาเย็นฉ่ำที่ช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดใสอีกครั้ง


101 Days of Summer Afternoon Tea คือประสบการณ์น้ำชายามบ่ายที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ ความหวาน และความประณีตในทุกรายละเอียด ให้บริการทุกวันเวลา 14.00 – 17.00 น. ที่ The Lounge โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2568 ในราคา 1,800++ บาทต่อท่าน และหากต้องการต่อยอดความประทับใจจากผลงานของ เชฟฆัวกิน โซเรียโน (Chef Joaquin Soriano) ยังสามารถแวะไปที่ Cafe Madeleine Pop-up ซึ่งเปิดให้บริการระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.

The Lounge
- Location: โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River)
- Opening Hours: ทุกวัน 14.00 น. ถึง 17.00 น. (สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย)
- Reservations: 02-032-0885
- Facebook: FourSeasonsHotelBangkok
- Instagram: @fsbangkok
- Website: https://www.fourseasons.com/bangkok/