เมื่อเชฟจากสองร้านอาหาร Fine Dining ไทยรุ่นใหม่อย่าง Lahnyai และ Restaurant Solid มาร่วมสร้างสรรค์มื้อพิเศษร่วมกันภายใต้คอนเซ็ปต์ Samrub of the Future ค่ำคืนนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่มื้ออาหารธรรมดา แต่เป็นบทสนทนาใหม่ของอาหารไทยร่วมสมัยที่น่าจับตา SOtraveler ในฐานะผู้ติดตามเส้นทางแห่งรสชาติที่เปลี่ยนแปลงและเติบโต และเพิ่งได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ Restaurant Solid เมื่อไม่นานที่ผ่านมา และความประทับใจยังอวลอยู่ในความทรงจำ ทำให้เราตั้งตารอและไม่อาจปล่อยผ่านค่ำคืนแห่งการรวมตัวของ 3 เชฟมากฝีมือในห้องครัวเดียวกันนี้ไปได้
ถัดจากความประทับใจที่เราได้รับจากค่ำคืนอันอบอุ่นของเชฟจาก Restaurant Solid บทต่อมาคือการได้ทำความรู้จักกับ Lahnyai ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่ตั้งอยู่ในซอยสวนพลู ภายใต้การดูแลของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ผู้ก่อตั้งร้าน Le Du และ Nusara ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสูตรอาหารตำรับชาววังจากคุณยายของเขา ก่อนถ่ายทอดสูตรล้ำค่านี้ต่อให้เชฟมาร์เซโล บารูช (Marcelo Baruch) นำไปต่อยอด โดยเชฟมาร์เซโลได้รับช่วงในการตีความตำรับอาหารเก่าเหล่านั้นใหม่ ผ่านมุมมองร่วมสมัยที่ยังคงรักษารากวัฒนธรรมไว้อย่างเคารพ การเดินทางของหลานยายจึงไม่ใช่แค่การทำอาหาร หากแต่คือการถ่ายทอดความทรงจำ ความรัก และสายใยครอบครัวผ่านจานหนึ่งอย่างลึกซึ้งและจริงใจ
ต่อเนื่องจากเรื่องราวของร้านหลานยาย อีกหนึ่งหัวใจของค่ำคืนนี้คือ Restaurant Solid ซึ่งนำทีมโดยเชฟแนท ณริศรา (Natt Narisara) และเชฟบาส นฤเบศร์ (Bass Narubase) สองเชฟไทยรุ่นใหม่ที่สะสมประสบการณ์จากครัวระดับมิชลิน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยความหลงใหลในการเชื่อมโยงวัตถุดิบท้องถิ่นกับเทคนิคระดับสากล ทั้งคู่เลือกใช้บ้านเก่าอายุกว่าร้อยปีริมถนนเจริญกรุงเป็นเวทีในการเล่าเรื่องอาหารไทยผ่าน Seasonal Tasting Menu ที่ทั้งร่วมสมัย ลึกซึ้ง และมีพลังในการสื่อสารความเป็นไทยออกมาได้อย่างร่วมสมัยและโดดเด่น
เมื่อแนวคิดของ Lahnyai ที่ให้คุณค่ากับรากวัฒนธรรม มาบรรจบกับแนวทางของ Restaurant Solid ที่เน้นการทดลองและการตีความใหม่ จึงเกิดเป็นประสบการณ์มื้อค่ำที่พิเศษเกินกว่าจะเรียกเพียงว่าดินเนอร์ Samrub of the Future จึงเปรียบเสมือนเวทีที่ให้สองเสียงทางความคิดร่วมขับขานอย่างสอดประสาน ทั้งในแง่รสชาติ การจัดวาง และจิตวิญญาณของความเป็นไทย ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่ทั้งร่วมสมัยและจริงใจ สำรับแห่งอนาคตนี้ไม่เพียงพาเราเดินทางผ่านอดีต แต่ยังชวนให้เราตั้งคำถามต่ออนาคตของอาหารไทยอย่างลึกซึ้ง
มื้อค่ำในค่ำคืนนี้เริ่มต้นอย่างงดงามด้วยของว่างทั้ง 4 คำ ที่เปรียบเสมือนการทักทายอย่างนุ่มนวลจากเชฟทั้งสาม ก่อนจะพาเราเดินทางลึกเข้าสู่เรื่องราวของอาหารไทยร่วมสมัย เริ่มจาก กุ้งซ่อนกลิ่น (Goong Saawn Glin) ที่กลิ่นส้มซ่าช่วยชูรสความสดของเนื้อกุ้งให้โดดเด่น

ตามด้วย ข้าวเกรียบอ่องปู (Khao Kriep Ong Pu) ที่เนื้อปูแน่นและเครื่องสมุนไพรไทยผสานกันอย่างลงตัว ทาร์ตปลาไหลทะเลกับน้ำพริกข่า (Tart Pla Lai Talay Gab Naam Prik Ka) นำความละเมียดของวัตถุดิบญี่ปุ่นมาบรรจบกับความจัดจ้านแบบไทยได้อย่างน่าทึ่ง ก่อนปิดท้ายด้วย น้ำพริกมะกรูดกับผักดีน้ำมัน (Naam Phrik Magruut Gap Phak Dtee Naam Man) ที่ดูเผิน ๆ คล้ายชิ้นงานศิลปะบนจาน แต่รสชาตินั้นกลับพาเราย้อนกลับไปสู่รสมือคุ้นเคยในแบบไทย ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์

จากคำเล็กสู่จานหลัก รสชาติค่อย ๆ ทวีความลุ่มลึกขึ้นอย่างน่าติดตาม เริ่มด้วย หอยเชลล์และสาลี่ (Hoy Shell Lae Saly) ที่ใช้หอยเชลล์ญี่ปุ่นเนื้อหวานสด วางเคียงลูกแพร์จีน เพิ่มความกรอบฉ่ำและหอมอ่อน ๆ ตัดด้วยน้ำพอนซึที่แต่งกลิ่นและรสอย่างมีชั้นเชิง

ก่อนพาเราต่อเข้าสู่ แกงบวน (Gaaeng Buan) อีกหนึ่งจานไฮไลต์ที่สร้างความประทับใจอย่างแรง จานนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตำรับแกงโบราณที่มีบันทึกไว้ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน ซึ่งปัจจุบันแทบจะเลือนหายไปจากสำรับร่วมสมัย เชฟได้นำแกงบวนมาตีความใหม่อย่างแยบยล โดยใช้ขนมปังทอดกลมกรอบที่ซ่อนฟัวกราส์ไว้ด้านใน เสิร์ฟคู่กับแกงสูตรโบราณที่หอมฉุนแต่กลมกล่อม รสชาติเข้มข้นแต่ละมุน เป็นจานที่ทั้งกล้า ลึกซึ้ง และสื่อสารความเป็นไทยในมิติที่ทั้งเคารพอดีตและกล้าสร้างอนาคต

ปลาย่าง (Pla Yang) ที่นำเสนอด้วยการใช้เทคนิค Ikejime กับปลาทะเลไทย ช่วยคงความสดของเนื้อปลาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เสิร์ฟคู่กับเห็ดรวมหลากชนิดที่ให้สัมผัสต่างกันในแต่ละคำ เสริมด้วยโฟมซอสจากน้ำมันเมล็ดชาที่หอมละมุนและให้ความรู้สึกล้ำลึก กลายเป็นจานที่เปิดมิติใหม่ของการย่างแบบไทยในบริบทร่วมสมัย

ต่อด้วย แกงมัสมั่น (Gaaeng Massaman) ที่ถูกนำเสนอในรูปแบบ Deconstructed แยกองค์ประกอบหลักออกจากกันอย่างละเมียดละไม ด้วยเนื้อเป็ดบ่ม 14 วันที่ฉ่ำนุ่ม เสิร์ฟเคียงโรตีกรอบบาง และซอสมัสมั่นเข้มข้นหอมเครื่องเทศ เป็นการตีความที่ให้เคารพสูตรดั้งเดิมแต่พาเสนอในรูปแบบที่ร่วมสมัยและน่าตื่นเต้น

สำรับ Samrub ถูกนำเสนอในหลากหลายจานที่ล้วนมีรากจากครัวไทยโบราณ แต่ถูกตีความใหม่อย่างสร้างสรรค์ เริ่มจาก แกงเนื้อมะแขว่น (Gaaeng Nue Maakwen) ที่ใช้เนื้อวัวตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม หอมกลิ่นพริกและเครื่องเทศ ตัดรสด้วยเห็ดจากญี่ปุ่นที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับจาน ตามด้วย ยำตะลิงปลิง (Yam Dtaling Bplimgan) ที่ให้รสเปรี้ยว ซ่า และกลิ่นอายพื้นบ้านที่พลิกให้กลายเป็นจานร่วมสมัยอย่างน่าทึ่ง ดอกขจรผัดไข่ (Dok Kajorn Phad Kai) ที่คุ้นเคยแต่กลับได้รับการนำเสนอใหม่อย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมความตั้งใจ เกี๊ยวกุ้ง (Keiw Goong) ที่ให้รสสัมผัสนุ่มละมุนในทุกคำ และปิดท้ายด้วย เมี่ยงหมูแดง (Mieng Moo Deang) ที่ห่อใบชิโสะแทนใบชะพลู สร้างสัมผัสใหม่ให้กับเมี่ยงคำแบบไทย ๆ สำรับนี้คือบทสนทนาแห่งอนาคต ที่แสดงให้เห็นว่าอาหารไทยยังมีศักยภาพในการเบ่งบานอย่างไร้ขีดจำกัด




ช่วงเวลาหวานละมุนของค่ำคืนเริ่มต้นด้วย โยเกิร์ตซอร์เบ (Yoghurt Sorbet) ที่ให้ความสดชื่น เปรี้ยวละมุน หอมกลิ่นผลไม้ และละลายในปากอย่างนุ่มนวล ราวกับเป็นการรีเฟรชประสาทสัมผัสก่อนเข้าสู่บทสรุป

ตามด้วย ข้าวเหนียวหม้อแกง (Khao Niew Mor Kaeng) ที่จับหม้อแกงไข่สูตรโบราณมาจับคู่กับไอศกรีมไข่เค็มและข้าวเหนียวมูนรสกลมกล่อม กลายเป็นคำหวานที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมอารมณ์ความทรงจำแบบไทย ๆ อย่างน่าเอ็นดู ก่อน

ปิดท้ายค่ำคืนด้วย ขนม Petit Fours หลากรส ทั้งชูช็อกโกแลตเข้มข้น ฟินองเซียลิ้นจี่หอมหวาน เยลลี่มะม่วงเนื้อเนียนใส และโดนัทที่เสิร์ฟพร้อมซอสใบเตยหอมอ่อน เป็นการอำลาที่ทั้งอิ่มกายและอบอุ่นใจ


Samrub of the Future ค่ำคืนนี้ไม่ได้เพียงแค่การเสิร์ฟอาหาร แต่เป็นบทสนทนาที่ลึกซึ้งระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของอาหารไทย ผ่านฝีมือของเชฟทั้งสามที่ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวอย่างมีวิสัยทัศน์ ทุกจานล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำ ความรัก และการตีความที่กล้าท้าทายขนบ SOtraveler รู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนแสนพิเศษนี้ และจะยังคงออกเดินทางตามรอยรสชาติอันน่าจดจำเช่นนี้ต่อไป
Lahnyai
- Location: 31 สวนพลูซอย 2 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
- Opening Hours: เปิดบริการวันศุกร์ – วันอังคาร เวลา 18.00 – 23.00น.
- Reservations: 062-242-5966
- Facebook: lahnyaibkk
- Instagram: @lahnyaibkk
- Website: https://www.lahnyai.com/
Restaurant Solid
- Location: 1119 เจริญกรุง 43, สี่พระยา, บางรัก, กรุงเทพฯ 10500
- Opening Hours: เปิดบริการวันพุธ – วันจันทร์ เวลา 18.00 – 23.00น.
- Reservations: 081-647-9791
- Facebook: Restaurant-Solid
- Instagram: @solidbkk
- Website: https://restaurantsolid.com/