สวัสดีครับทุกท่าน SOtraveler.com ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่บรรยากาศปลายปีด้วยการดินเนอร์ล่องเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับการอัพเดตบรรยากาศและสถาปัตยกรรมของสองฝั่งแม่น้ำ โดยครั้งนี้เราเลือกที่จะใช้บริการ เรือสุพรรณิการ์ ซึ่งเรือสองชั้น ตกแต่งในแนวชิคเก๋ ใช้สีเหลืองของดอกสุพรรณิการ์มาเป็นโทนสีหลัก มีกลิ่นอายของความบูทีก
จุดขึ้น-ลงเรือสุพรรณิการ์อยู่ที่ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ 2 ซอยเจริญกรุง 23 นำรถมาจอดที่ริเวอร์ซิตี้ได้ บนเรือจะสแตมป์บัตรจอดรถให้ 3 ชั่วโมง สำหรับผมมาแบบเผื่อเวลาล่วงหน้าประมาณ 30 นาทีจนทานเสร็จใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ก็เสียค่าที่จอดรถเพิ่ม 2 ชั่วโมงเพียง 40 บาท
Dinner แชมเปญ Taittinger Cruise ในรอบของ SOtraveler จะเป็นการล่องชมความงดงามยามค่ำคืนตามเส้นทางไปจนถึงสะพานพระราม 8 แล้วย้อนลงมาที่เอเชียทีค แล้วกลับมาส่งที่ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ 2 ที่เดิมกับจุดขึ้นเรือ บริเวณท่าเรือริเวอร์ซิตี้ 2 บรรยากาศดีมากเช่นกัน
ยืนรอสักพัก ก็เริ่มเห็นเรือสุพรรณิการ์กำลังล่องมาเทียบท่า ขนาดของเรือและสไตล์การตกแต่ง ช่วยส่งให้ สุพรรณิการ์ ครูซ ลำนี้นี้ดูงดงามและโดดเด่นมากพอสมควรเมื่อล่องอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อเรือเทียบท่าผู้โดยสารที่ใช้บริการรอบก่อนหน้าก็ลงมาจากเรือ ดังนั้นเมื่อเรือเทียบท่า ก็จะต้องยืนรอให้พนักงานทำการคลีน จัดโต๊ะเพื่อเตรียมเรือบริการให้กับรอบของเรา ระยะเวลาราวๆ เกือบ 30 นาทีได้ และไม่มีที่นั่งรอ หากนับระยะเวลาตั้งแต่นัดมาเช็คอินจนกว่าจะถึงเวลาขึ้นเรือ แล้วไม่มีการจัดบริเวณสำหรับนั่งรอเป็นหลักเป็นแหล่ง 3,250 บาท/คน สำหรับเราถือว่าแพงมากสำหรับเซอร์วิสที่ได้ ราคาพอๆกับการใช้บริการล่องเรือของโรงแรมใหญ่ๆในย่านรีเวอร์ไซต์ ถ้าไม่มีเรื่องเมนูอาหารที่อร่อย ก็ยังมองไม่เห็นจุดดึงดูดที่จะกลับมาใช้บริการ สุพรรณิการ์ ครูซ
แต่ถ้ามองในอีกมุม ถ้าหากยามเย็นอากาศดีการยืนชมวิวบริเวณนี้ก็ดีมาก หลังจากเช็คอินกับทางเจ้าหน้าที่ของเรือเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งนัดเจอกันที่ท่าเรือหมายเลขสอง ระหว่างนั้นให้เดินเล่นตามอัธยาศัยไปก่อน ผมเลยเข้าร้านกาแฟ TOM N TOMS COFFEE เพื่อที่จะนั่งรอ แต่สักพักก็ถืงเวลาที่พนักงานได้นัดไว้เลยไปยืนรอที่ท่าเรือ เรือก็ไม่ได้เทียบท่าในทันที ทำให้การยืนรอขึ้นเรือนานไปหน่อย เพื่อที่จะรอการคลีนเรือจากที่ให้บริการในรอบก่อนหน้า
การตกแต่งและดีไซน์ของเรือมีเอกลักษณ์ น่าชมดีจริง สีเหลืองของดอกสุพรรณิการ์บวกกับแสงไฟทำให้ สุพรรณิการ์ ครูซ ดูเด่นขึ้นมา บริเวณด้านหน้าของเรือ พนักงานก็ได้แจ้งว่าสามารถลงมาถ่ายรูปได้ ยกแก้วแชมเปญลงมาถ่ายรูปได้ แต่ก็น่าเสียดายเนื่องจากวันที่เราไปทานฝนตกหนักพอดี เลยไม่มีโอกาสได้ลงมาถ่ายรูปตรงนี้
ยืนรอกันไปเรื่อยๆ จนพนักงานเริ่มมายืนตรงทางลงเรือ ก็เป็นสัญญาณว่าเริ่มให้แขกลงเรือได้ ในแง่ของการบริการของพนักงานตั้งแต่ขึ้นจนลงเรือน่าประทับใจ
เราได้ที่นั่งเป็นบริเวณชั้นสอง โต๊ะหน้าสุดของเรือเห็นวิวเต็มๆ ดี เมื่อนั่งที่โต๊ะพนักงานก็เสิร์ฟ Amuse Bouche เป็นเมี่ยงปลาทูกะปิเกาะช้าง ผ้าเย็นและน้ำปล่าว และแขกก็ทะยอยขึ้นเรือมาเรื่อยๆ
ทันทีที่สุพรรณิการ์ ครูซ เริ่มออกตัวจากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ ฝนก็เทลงมาเป็นสาย อย่างภาพที่ทุกคนจะได้เห็นต่อไป เอาเถอะเราปลอบใจตัวเองว่าเราก็ยังไม่เคย ดินเนอร์บนเรือล่องเจ้าพระยาในบรรยากาศท่ามกลางสายฝนมาก่อน นี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่น่าตื่นเต้นดีนะ
พนักงานกล่าวต้อนรับแขกบนเรืออย่างเป็นทางการ เป็นภาษาไทยแล้วตามด้วยภาษาอังกฤษ น้ำเสียงและสำนวนการกล่าวชวนให้เราหันไปมองที่ต้นเสียง ภาพที่เราคาดไว้คือ การยืนกล่าวต้อนรับด้วยการมองที่แขกไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้ม อารมณ์หัวหน้าทัวร์ หรือแอร์โฮสเตท์บนเครื่องบิน แต่ก็ผิดหวังเล็กน้อยที่คนกล่าวต้อนรับก้มหน้าอ่านสคริปท์ให้เราฟังตลอดเวลาในการพูดทั้งหมด ใช้การเปิดเทปเป็นเสียงจากกัปตันเรือ น่าจะให้ฟิลลิ่งที่ดีกว่า เพราะสำนวนการกล่าวดี การเห็นต้นเสียงกำลังท่องกระดาษให้ฟัง ฟิลลิ่งของการ Welcome จึงดรอปลงไปจนเรารู้สึกเฉยๆ ผิดกับช่วงต้นที่เราได้ยินแล้วยังไม่ได้หันมามอง
Supanniga Cruise (สุพรรณิการ์ ครูซ) : Dinner แชมเปญ Taittinger Cruise Menu
ปล่อยให้บรรยากาศด้านนอกชุ่มฉ่ำไปพลางๆ หันมาให้ความสนใจกับเมนูอาหารกันก่อนดีกว่า เมนูอาหารทั้งหมดจะเป็นอาหารไทย ประกอบไปด้วย
- Welcome Drink and Amuse Bouche : เมี่ยงปลาทูกะปิเกาะช้าง
- Supanniga Appetizer ม้าฮ่อ / กระทงทอง / แสร้งว่าเนื้อปูปลาดุกฟู
- Soup : ต้มข่าปลากระพงมะพร้าวอ่อน
- Sharing “Sam Rub Thai” : หมูชะมวง/ น้ำพริกไข่ปู/ ไข่ลูกเขย/ ยำปลาสลิดทอดกรอบ/ ห่อหมกเนื้อปู
- Dessert : ข้าวเหนียวมะม่วง
- Petits Fours & Tea : ขนมไทยโบราณ โดย หวานละมุน เสิร์ฟพร้อมชาออร์แกนิค
และด้วยความพิเศษของรอบนี้ที่มีเพียงหนึ่งรอบต่อวันและใช้ระยะเวลาในการล่องเรือนานที่สุด จะเสิร์ฟ Welcome Drink เป็น แชมเปญ Taittinger
Welcome Drink and Amuse Bouche : เมี่ยงปลาทูกะปิเกาะช้าง
เราก็สงสัยและอยากรู้เช่นกันว่าทำไมต้องกะปิเกาะช้าง ยังไม่ได้หาคำตอบและหาดูว่ากะปิเกาะช้างมีความพิเศษอย่างไร ทีแรกก็คิดในใจว่าจะเริ่มต้นทานยังงัยดี เมี่ยงคำแบบนี้เคยทานแต่ราดด้วยน้ำราดหวานเค็ม โรยมะพร้าวคั่วกรอบๆ แต่ที่เสิร์ฟมา
เมี่ยงปลาทูกะปิเกาะช้าง จะให้น้ำจิ้มมาในถ้วยเล็กๆ แบ่งครึ่งสองฝั่งประกอบด้วย กะปิ กับ น้ำจิ้มซีฟู้ด การทานก็ตักน้ำจิ้มทั้งสองราดลงไปในเมี่ยงปลาทู ถ้าคุณกำลังมึนๆอะไรอยู่คุณจะตื่นขึ้นมาด้วยนัยตาที่ใสปิ๊งทันที หลังจากที่ชิมเมนูนี้ด้วยรสชาติที่จี๊ดจ๊าดของสามรสชาติเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ที่แข่งกันอย่างสุดโต่งกัดโดนหอมแดงด้วยก็ขึ้นจมูกยิ่งไปอีก สำหรับการทานบนเรือผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ช่วยให้ตื่นและรู้สึกโล่ง อาจจะแก้อาหารเมาเรือได้
ถัดมาเป็น Supanniga Appetizer ม้าฮ่อ / กระทงทอง / แสร้งว่าเนื้อปูปลาดุกฟู
เมนูที่คงไม่พบเห็นกันบ่อยนักเป็นเมนูอาหารไทยโบราณ รสชาติจัดจ้านทั้งสามเมนู ถ้าต่างชาติทานก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ โดยส่วนตัวผมทานอาหารรสจัดได้เลยถูกใจและชอบในรสนี้ แต่หากเป็นชาวต่างชาติก็คือว่าค่อนข้างรสจัด แต่นี่อาจเป็นการพลิกรูปแบบของการนำเสนออาหารให้กับชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้มาลองชิมอาหารไทยก็ได้นะ กระทงทองด้านในใส่ลาบไก่
แสร้งว่าเนื้อปูปลาดุกฟู หากตามตำราแสร้งว่าก็จะเป็นการสมมติว่าเป็นเนื้อปูมาทำ แต่ที่สุพรรณิการ์ ครูซ เสิร์ฟ ก็จัดเนื้อปูเป็นก้อนมาให้ด้วยในเมนู
จากนั้นก็ได้ซดซุปไทยร้อนๆ กับ ต้มข่าปลากระพงมะพร้าวอ่อน รสชาติเข้าถึงไทยแท้ กลิ่นและความเผ็ดของข่าออกรสมาจนสัมผัสได้น้ำกะทิมีความเข้มข้นอย่างกลมกล่อมละมุน ปลากระพงเนื้อแน่น เมนูนี้อร่อยมากจริงๆ
หันมาเพลินกับเมนูอาหารกันต่อ นี่จะเป็นเมนคอร์สแล้วล่ะ กับชุดสำรับไทย “Sam Rub Thai” : หมูชะมวง/ น้ำพริกไข่ปู/ ไข่ลูกเขย/ ยำปลาสลิดทอดกรอบ/ ห่อหมกเนื้อปู
แต่ละเมนูหากจัดสำหรับสองที่ถือว่าเยอะมากเลยล่ะ ปกติผมจะได้ยินแต่เสียงบ่นจากหลายๆคนรอบตัวว่า “ไปทานข้าวบนเรืออย่าไปคาดหวังกับอาหารมากไม่อร่อยหรอกไปนั่งเอาบรรยากาศ” ต่อไปผมคงแนะนำให้มาลองสุพรรณิการ์ ครูซ น่าจะเปลี่ยนความคิดเรื่องรสชาติอาหาร ที่เสิร์ฟบนเรือล่องเจ้าพระยาไปได้
จากนั้นก็เข้าสู่เมนูของหวาน Dessert : ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำกะทิหอม ข้าวเหนียวกำลังดี มะม่วงหวานพอดีไม่หวานจัด แถมจัดเรียงมาเป็นดอกกุหลาบให้น่าทานยิ่งขึ้นไปอีก ขอชื่นชมการนำเสนอเมนูนี้ที่เราไม่คิดว่าจะพบในบรรยากาศของการมาทานอาหารบนเรือ
ปิดท้ายล้างปากมื้ออาหารจริงๆ ด้วย Petits Fours & Tea : ขนมไทยโบราณโดยหวานละมุน เสิร์ฟพร้อมชาออร์แกนิค เป็นชาตะไคร้ อุ่นคอกำลังดี เป็นการตบท้ายมื้ออาหารที่สวยงามและประทับใจ
หันกลับมาด้านหัวเรือ ใกล้จะลอดสะพานตากสินเพื่อกลับไปยังท่าเรือเป็นสัญญาณว่าเวลาแห่งความสุขกับบรรยากาศสองฟากฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาของเรากำลังจะหมดลงละ ไว้ค่อยหาโอกาสมาอีก
หวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของการล่องเรือทานอาหารพร้อมอัพเดตข่าวคราวของสถาปัตกรรมริมสองฝั่งเจ้าพระยาไปด้วยกันในรีวิวนี้นะครับ ใครที่ยังไม่มีแพลนในช่วงปลายปีมาลองตามรอยทริปของ SOtraveler.com ดู บรรยากาศโรแมนติคดีนะ วันที่ผมไปทานมีเซอร์ไพรส์วันเกิดกันน่ารักๆ มีครอบครัวมานั่งทานกันเป็นเด็กอายุประมาณ 5-6 ขวบแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็สอนให้เด็กได้เรียนรู้และรู้จักอาหารไทยไปด้วย เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นทั้งการมาทานแบบคู่รักหรือมาแบบครอบครัวก็เหมาะเหมือนกันนะ
Supanniga Cruise (สุพรรณิการ์ ครูซ)
Dinner แชมเปญ Taittinger Cruise 3,250 บาท / คน
รายละเอียด :
ให้บริการทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์
ระยะเวลาในการล่องเรือประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที เวลาตามตารางคือ 18.15 – 20.30 (รับ-ส่ง ที่ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ 2 ซอยเจริญกรุง 23)
ไฮไลท์ : เสิร์ฟ Welcome Drink เป็นการต้อนรับด้วย แชมเปญ Taittinger
เมนูอาหาร: ชุดอาหารไทย 6 คอร์ส รวมเครื่องดื่มน้ำเปล่า