สัปดาห์สุดพิเศษแห่งวัฒนธรรมเวียดนามได้ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงาม ณ The House on Sathorn, W Bangkok ในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2024 งาน CROSS CULTURE WEEKEND Vietnam ครั้งนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม ที่ถูกถ่ายทอดผ่านอาหาร เครื่องดื่ม และงานศิลปะที่นำมาให้สัมผัสกันถึงใจกลางกรุงเทพฯ
Chef Peter Cuong Franklin: Elevating Vietnamese Street Food
หนึ่งในไฮไลต์ที่สำคัญ คือการลิ้มลองอาหารสุดพิเศษจากเชฟ Peter Cuong Franklin แห่งร้าน Anan Saigon ร้านอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาวจากนครโฮจิมินห์ เมนูอาหารที่เชฟ Peter นำมาเสิร์ฟนั้นสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมเวียดนามที่ถูกยกระดับขึ้นเป็น Fine Dining ด้วยการผสมผสานรสชาติแบบดั้งเดิมกับเทคนิคการปรุงอาหารแบบสากล มาดูกันว่าแต่ละเมนูมีความพิเศษอย่างไรบ้าง
Foie Gras Spring Roll เมนูนี้เป็นการผสมผสานที่น่าทึ่งระหว่างวัตถุดิบหรูหราอย่าง ฟัวกราส์ กับส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น หมู และ สมุนไพรเวียดนาม ที่ถูกห่อด้วยแป้งปอเปี๊ยะทอดกรอบ ความกรอบของแป้งเข้ากับเนื้อฟัวกราส์ที่ละลายในปากได้อย่างลงตัว
Le Petit Banh Mi Pate เป็นการนำเสนอขนมปัง Banh Mi ซึ่งเป็นอาหารสตรีทฟู้ดแบบเวียดนามในรูปแบบใหม่ ใช้ เนื้อวากิว A5 เป็นส่วนผสมหลัก และเสิร์ฟคู่กับขนมปังฝรั่งเศสที่ทำเป็นแป้งเบา ๆ เรียกว่า “Air Baguette” ทำให้เมนูนี้โดดเด่นด้วยความหรูหราและความละเอียดอ่อน
Banh Trang Tron Salad สลัดที่ใช้ แป้งข้าว ที่ถูกหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมกับ มะม่วง ไข่ ปลาหมึกแห้ง ถั่วลิสง และไข่ปลาแซลมอน เมนูนี้มีความสดชื่นและมีรสชาติที่หลากหลาย ผสมผสานความกรุบกรอบของแป้งข้าวกับรสชาติเปรี้ยวหวานของมะม่วงและความเข้มข้นของไข่ปลาแซลมอน
Hoi An Cao Lau Noodle ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่จากเมือง ฮอยอัน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการทำเส้นที่เหนียวนุ่ม เสิร์ฟพร้อมกับ กุ้ง หมูสามชั้น ไข่นกกระทา และสมุนไพรเวียดนาม เส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เข้ากันได้ดีกับเนื้อสัตว์และสมุนไพร
Ha Noi Turmeric Fish ปลาค็อดที่ถูกปรุงด้วย ขมิ้น เสิร์ฟพร้อมกับเส้น Bun และผักสมุนไพร รสชาติของขมิ้นที่หอมอบอวลเข้ากันได้ดีกับปลาค็อดที่เนื้อเนียนนุ่ม เป็นเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมนูปลาย่างขมิ้นแบบดั้งเดิมของเมืองฮานอย
แถมด้วยเมนูขนมหวานจาก PAII ที่ไม่อยากให้พลาดทั้งวาฟเฟิลและทีรามิสุชาไทย
เมนูทั้งหมดนี้ไม่เพียงแค่เน้นการใช้วัตถุดิบชั้นดีและเทคนิคการปรุงที่ประณีต แต่ยังสะท้อนถึงการยกระดับอาหารสตรีทฟู้ดของเวียดนามให้กลายเป็นอาหาร Fine Dining ที่มีรสชาติซับซ้อนและลุ่มลึก
Artistic Expressions Reflecting Vietnamese Culture
งาน CROSS CULTURE WEEKEND Vietnam ไม่ได้เป็นเพียงงานที่มุ่งเน้นด้านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังได้นำเสนอแง่มุมที่ลึกซึ้งของศิลปะและวัฒนธรรมเวียดนาม ผ่านงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายและความรุ่มรวยของมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเวียดนาม
หนึ่งในงานศิลปะที่โดดเด่นภายในงานนี้ คือผลงานของศิลปิน Tran Quang Dai ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในเวียดนามและระดับนานาชาติ โดยงานของเขาแสดงถึงแนวคิดเชิงปรัชญาเกี่ยวกับมนุษยชาติและศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ใช้ เมล็ดข้าว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งในวัฒนธรรมเวียดนาม ข้าวเป็นทั้งอาหารหลักและสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ การใช้ข้าวในการสร้างสรรค์งานศิลปะจึงเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อในเรื่องของการเจริญเติบโต ความพยายาม และการฟื้นฟูของมนุษย์
ผลงานชิ้นสำคัญที่ Tran Quang Dai นำเสนอมีชื่อว่า “Endless Potential” บอกเล่าเรื่องราวของศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความหมายของผลงานนี้คือการเชิญชวนให้ผู้ชมได้คิดถึงการพัฒนาและการเติบโตที่ไม่รู้จบ โดยใช้เมล็ดข้าวเป็นตัวแทนการคูณของทรัพยากรหรือความพยายามที่อาจนำไปสู่ทั้งความสำเร็จและความท้าทาย นอกจากนี้ ยังสื่อถึงการต่อสู้ของมนุษยชาติในการจัดการกับความสมดุลของทรัพยากร ความยุติธรรมทางสังคม และความหิวโหยในโลก ผลงานชิ้นนี้ชวนให้ผู้ชมได้ไตร่ตรองถึงบทบาทของตนเองในระบบที่มีการพัฒนาและการเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง
ในด้านแฟชั่น แบรนด์ Oceana London ก็ได้นำเสนอผลงานแฟชั่นที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความงามที่เรียบหรู ภายใต้แนวคิดของ Dang Thuy Duong ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ประจำแบรนด์ Oceana London ได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่ได้รับจากการศึกษาด้านแฟชั่นในกรุงลอนดอน ผสานเข้ากับแรงบันดาลใจจากเวียดนาม ผลงานของเธอเน้นไปที่การออกแบบที่ทันสมัยแต่ยังคงรักษารากฐานของวัฒนธรรมดั้งเดิมของเวียดนามเอาไว้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความเป็นสากลกับความท้องถิ่นได้อย่างลงตัว
Craft Cocktails That Tell a Story
ตลอดทั้งสามวันที่จัดงาน CROSS CULTURE WEEKEND Vietnam ทุกคนที่เข้าร่วมล้วนได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำ จากการได้สัมผัสทั้งรสชาติของอาหารเวียดนามที่ถูกยกระดับสู่ความหรูหรา รวมไปถึงการดื่มด่ำกับค็อกเทลที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างมีศิลปะ และการเรียนรู้ถึงความงดงามของวัฒนธรรมผ่านงานศิลปะและแฟชั่น
เรามีโอกาสได้สัมผัสรสชาติจากมิกโซโลจิสต์ชื่อดังอย่าง Vu Ngoc และ Liam Duong ที่นำเสนอเครื่องดื่มที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวของเวียดนามผ่านค็อกเทลอย่างน่าทึ่ง Vu Ngoc จากบาร์ Enigma นำเสนอค็อกเทลอย่าง Mushroom ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น เห็ดชิตาเกะ ผสมกับวิสกี้ และน้ำผึ้ง ทำให้เกิดรสชาติที่ลุ่มลึกและซับซ้อน รวมถึงค็อกเทล Kombu ที่ผสมผสานสาหร่ายคอมบุ ชาโฮจิฉะ เกิดเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติแปลกใหม่และซับซ้อนในทุกคำ
ทางด้าน Liam Duong จากบาร์ Hybrid ได้นำเสนอเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยความสดชื่นและกลมกล่อม เช่น Vodka Redbull ซึ่งผสม Redbull ที่ปรับสูตรใหม่ ทำให้เกิดความสมดุลในรสชาติที่สดชื่น และ Kong ที่ใช้รัมสร้างสรรค์รสชาติที่ลุ่มลึกและเข้มข้น
ทั้ง Vu Ngoc และ Liam Duong ได้นำเสนอเครื่องดื่มที่ไม่เพียงแต่มีความสวยงามในรูปลักษณ์ แต่ยังสื่อถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวของเวียดนามได้อย่างลึกซึ้งผ่านการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและเทคนิคการชงค็อกเทลร่วมสมัย
งานนี้ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความสวยงามของวัฒนธรรมเวียดนามที่ถูกนำเสนออย่างสร้างสรรค์และลึกซึ้งในทุกรายละเอียด สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความหมายและการเรียนรู้ผ่านอาหาร ศิลปะ และวัฒนธรรม CROSS CULTURE WEEKEND ที่ The House on Sathorn, W Bangkok จะจัดขึ้นอย่างไรในครั้งหน้า ต้องรอติดตาม เป็นงานที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง