ณ บลู บาย อลัง ดูคาส (Blue by Alain Ducasse) ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ครองตำแหน่งหนึ่งดาวมิชลิน 5 ปีซ้อน และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านไฟน์ไดนิ่งของกรุงเทพฯ กับการมาถึงของ เชฟอีเวนส์ โลเปซ (Chef Evens López) ผู้มากประสบการณ์จากเวทีระดับโลก ที่นำมุมมองใหม่และแนวคิดร่วมสมัยมาเติมสีสันให้เมนูอาหารอย่างมีชั้นเชิง ทุกจานยังคงไว้ซึ่งความประณีตแบบฝรั่งเศส แต่เพิ่มเติมด้วยกลิ่นอายของวัตถุดิบท้องถิ่นและแรงบันดาลใจสดใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง

เชฟอีเวนส์ โลเปซ (Chef Evens López) เติบโตในประเทศเปรู ก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่ Le Cordon Bleu ณ กรุงลิมา จากนั้นจึงเดินทางสั่งสมประสบการณ์ในร้านอาหารระดับมิชลินทั่วโลก ทั้งในอิตาลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ รวมถึง Le Louis XV – Alain Ducasse ณ โมนาโก และร้านของเชฟ Yannick Alléno ซึ่งล้วนเป็นร้านอาหารระดับสามดาวมิชลิน เขายังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล San Pellegrino Young Chef Award ก่อนจะย้ายมาประจำอยู่ที่ประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2025 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกโฉมเมนูของ Blue by Alain Ducasse ให้มีมิติเข้มข้นยิ่งขึ้น

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เชฟอีเวนส์ได้ใช้เวลาในการเรียนรู้วัตถุดิบไทยอย่างลึกซึ้ง พูดคุยกับทีมครัว และร่วมถ่ายทอดแนวคิดร่วมสมัยลงในเมนูใหม่ภายใต้ชื่อ “Menu Voyage” ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณของการเดินทางผ่านรสชาติอาหารฝรั่งเศสในมุมมองใหม่ โดยเขากล่าวไว้ว่า “สิ่งที่เรานำเสนอไม่ใช่แค่เมนูใหม่ แต่คือประสบการณ์ใหม่ของ Blue ที่เชื่อมโยงกับวัตถุดิบท้องถิ่นและความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัย เพื่อให้ทุกจานมีชีวิต มีเรื่องเล่า และมีความหมาย”

อาหารของเชฟอีเวนส์โดดเด่นด้วยเทคนิคอันประณีตในแบบฝรั่งเศส ผสมผสานกับรากฐานทางวัฒนธรรมจากเปรู บ้านเกิดของเขา โดยเชฟเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลของไทยมาสร้างสรรค์เป็นจานอาหารร่วมสมัยที่มีโครงสร้างชัดเจน ทั้งกลิ่น รส และสัมผัส พร้อมแฝงความหมายและความยั่งยืนในทุกองค์ประกอบของจาน เชฟกล่าวว่า “การรังสรรค์อาหารคือการเล่าเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของผม แต่คือเรื่องของวัตถุดิบของผู้คนและของสถานที่ที่เราอยู่ด้วย”


ประสบการณ์รสชาติเริ่มต้นอย่างละไมจาก Canapés คำเล็ก ๆ ที่ร้อยเรียงรายละเอียดอย่างประณีตอย่างมีเรื่องราว เริ่มจาก Chilled Crab Tartlet ทาร์ตเย็นสอดไส้เนื้อปู Brittany แน่น ๆ เติมความสดชื่นด้วยซอสฮอร์สแรดิชและส้มโอ เสริมความกลมกล่อมอย่างมีชั้นเชิง ตามมาด้วย Duck & Sweetcorn Cake เค้กข้าวโพดหวานเนื้อนุ่มซ่อนเป็ดคอนฟิตหอม ๆ และดอกกระเทียม กลิ่นอายเปรูที่แต่งเติมด้วยเทคนิคฝรั่งเศส ปิดท้ายด้วย Green Pea Tartlet เปลือกทาร์ตกรอบบาง สอดไส้มูสมาสคาโปนและสมุนไพรจากถั่วลันเตาไทย ให้รสสัมผัสสดชื่นและหอมแบบท้องถิ่นอย่างแยบยล




ต่อด้วยจาน Amuse Bouche ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้วัตถุดิบอย่างสร้างสรรค์ ผ่านมะเขือม่วงในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เพียวเร่รมควัน คัสตาร์ดเนื้อเนียน ไปจนถึงคอนซอมเม่ใสรสลุ่มลึก เสริมกลิ่นรสด้วยเมล็ดมัสตาร์ดดองและผงเลมอนดำหมัก ร้อยเรียงรสชาติอย่างอ่อนโยน ขนมปังเสิร์ฟตามมาทันทีบนรถเข็นไม้คลาสสิก เอกลักษณ์ของ Blue ที่สร้างช่วงเวลาแสนพิเศษด้วยการหั่นสดถึงโต๊ะ มีทั้งซาวโดวจ์เปลือกหนาเนื้อแน่น และครัวซองต์กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่กับเนยจากฝรั่งเศสที่ทางครัวตีเองจนเนื้อเนียนขึ้นเงา หอมละมุน เติมเต็มรสสัมผัสให้มื้ออาหารเริ่มต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ตามมาด้วย Lightly Smoked Mackerel ที่สื่อความสดชื่นของท้องทะเลควบคู่ไปกับกลิ่นรมควันบาง ๆ ได้อย่างแยบยล ปลาแมคเคอเรลรมควันอ่อน เสิร์ฟแบบเย็นบนเจลลี่แตงกวาและแผ่นแตงกวาสดบางเฉียบ ซอสบัตเตอร์ยูซุให้กลิ่นหอมมันละมุนและเปรี้ยวแบบซิตรัส Kristal Caviar เติมรสเข้มข้นและกลิ่นไอโอดีนแผ่วเบา มอบความรู้สึกหรูหราและชั้นเชิงแห่งรสชาติในคำสุดท้าย

ต่อด้วย White Asparagus from Les Landes ที่ใช้หน่อไม้ฝรั่งขาวจากแคว้นเลส์ล็องด์ รสหวานนุ่มเบาเคล้าไวน์ Vin Jaune และเจลเลมอนเบคอนหอมอ่อน ๆ กลิ่นคล้ายดอกมะลิ ผสานความสดชื่น หอมมัน และกลิ่นผลไม้ในแบบฝรั่งเศสคลาสสิก เสริมสัมผัสคอนทราสต์อย่างมีจังหวะและกลิ่นอายร่วมสมัยได้อย่างละเมียด

Kinki on the Embers ปลาคินกิจากญี่ปุ่นที่หนังกรอบในขณะที่เนื้อยังคงนุ่มแน่น เสิร์ฟพร้อมซอสหัวปลาและน้ำมันพริกโฮมเมด ให้กลิ่นรมควันลุ่มลึกและรสชาติเข้มข้นอย่างมีมิติ เพิ่มรสเปรี้ยวหวานสดชื่นด้วยเลมอนเชื่อม เคียงด้วยผักใบเขียวและสาหร่ายญี่ปุ่นที่ช่วยเชื่อมโยงกลิ่นรสของทะเลกับซอสได้อย่างแนบเนียน จานนี้อบอวลด้วยเสน่ห์ของกลิ่นถ่าน กลมกล่อมแต่หนักแน่น


เนื้อแกะ Mount Schank จากออสเตรเลีย หมักด้วยใบมะเดื่อที่ให้กลิ่นอ่อน ๆ ระหว่างชาและไม้ ก่อนนำมาย่างบนเปลวไฟจนได้เนื้อนุ่มแน่น กลมกล่อมโดยไร้กลิ่นสาบ เคียงด้วยซอสกระเทียมดำรสลุ่มลึก และมันฝรั่งบดเนื้อเนียนที่เสริมความละมุน ดอกไม้และผักย่างเติมกลิ่นหอมสมุนไพรบางเบา จานนี้จึงเต็มไปด้วยมิติของกลิ่น รส และเท็กซ์เจอร์ที่ชัดเจนและน่าจดจำในทุกคำ


ช่วงของหวานยังคงถ่ายทอดอัตลักษณ์แบบ Blue ได้อย่างงดงาม เริ่มจาก In The Spirit of a Melba ที่หยิบขนมคลาสสิกอย่างพีชเมลบามาตีความใหม่อย่างร่วมสมัย เสิร์ฟพีชเย็นตัดกับเชอร์เบตเปรี้ยวสดชื่น เพิ่มมิติด้วยซอสวานิลลาหอมละมุน ต่อด้วย Vanilla & Black Pepper Soufflé ที่นำความหอมหวานของวานิลลาไปจับคู่กับพริกไทยดำได้อย่างเหนือชั้น ซูเฟล่เนื้อเบาฟูให้สัมผัสนุ่มนวลในปาก ปิดท้ายด้วย Petit Fours คำเล็ก ๆ ที่กลั่นจากความประณีต เป็นการปิดท้ายมื้อพิเศษนี้อย่างกลมกล่อม



การมาถึงของ เชฟอีเวนส์ โลเปซ (Chef Evens López) ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการไฟน์ไดนิ่งริมเจ้าพระยา ด้วย “Menu Voyage” ที่ไม่เพียงคงไว้ซึ่งความประณีตตามแบบฉบับฝรั่งเศส แต่ยังผสานเทคนิคชั้นสูงเข้ากับ วัตถุดิบไทยตามฤดูกาล และ รากฐานทางวัฒนธรรมเปรู ของเชฟได้อย่างลงตัว แต่ละจานไม่ใช่แค่การนำเสนออาหาร แต่คือการบอกเล่าเรื่องราวผ่านรสชาติที่ ร่วมสมัย มีชีวิต และเปี่ยมด้วยความหมาย นับเป็นบทใหม่ที่น่าจับตา ซึ่ง บลู บาย อลัง ดูคาส (Blue by Alain Ducasse) ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถผสมผสานเสน่ห์คลาสสิกเข้ากับ แรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ได้อย่างกลมกลืนและสร้างสรรค์อย่างไร้ที่ติ

Blue by Alain Ducasse
- Location: ชั้น 1 ไอคอนลักซ์ (Iconluxe) ไอคอนสยาม (Iconsiam) เลขที่ 299 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600
- Opening Hours: ทุกวัน 12.00 น. – 13.30 น. / 18.00 น. – 20.30 น.
- Reservations: 065-731-2346
- Facebook: bluebyalainducasse
- Instagram: @bluebyalainducasse
- Website: https://www.blue-alainducasse.com/