หากจะมีห้องอาหาร Fine Dining สักแห่งที่ทำให้เรากลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะความประทับใจที่ไม่เคยจางหาย ห้องอาหารเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ (Elements, Inspired by Ciel Bleu) ณ โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) คือหนึ่งในนั้น และคราวนี้ก็มากับประสบการณ์ใหม่ที่หากไม่ได้มาลิ้มลองด้วยตัวเองอาจนับว่าพลาด กับเซตเมนู Spring Guestronomic Journey ที่สื่อสารผ่านทุกจานอย่างละเมียดละไม

Spring Guestronomic Journey คือการถ่ายทอดกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิอย่างละเมียด ด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความเปล่งประกายของวัตถุดิบที่ดีที่สุด เชฟรังสรรค์แต่ละจานอย่างมีเรื่องราว มีมิติ ทั้งด้านรสชาติ กลิ่นและรสสัมผัส ให้ทุกคำที่ชิมเสมือนการก้าวเดินไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความแปลกใจ

เบื้องหลังประสบการณ์อันประณีตนี้คงจะหนีไม่พ้น เชฟเจอราร์ด วิลลาเรท ฮอร์คาโญ (Chef Gerard Villaret Horcajo) ผู้ใส่ใจในทุกองค์ประกอบของอาหารอย่างละเอียดอ่อน ไม่เพียงรังสรรค์เมนูอย่างพิถีพิถัน แต่ยังเดินทางไปยังแหล่งต้นทางอย่าง เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น (Fukuoka, Japan) เพื่อคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดด้วยตนเอง นี่คือหนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้มื้ออาหารนี้ที่ Elements เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง

ในครั้งนี้ SOtraveler ได้มีโอกาสลิ้มลองเซตเมนู 6 คอร์ส Chikyu ซึ่งเริ่มต้นด้วย Amuse-bouche สามคำที่รังสรรค์มาอย่างปราณีต ไม่ว่าจะเป็น Foie Gras Pâté Toasted Brioche ฟัวกราส์พาเตบนบริยอชปิ้งกรอบที่ปั้นเป็นรูปเป็ดน้อยน่ารัก ตามด้วย Sawara Apple Pickle and Pink Pepper ซาวาระปลาย่างเสิร์ฟคู่กับแอปเปิ้ลดองและพริกไทยสีชมพูที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่น ปิดท้ายด้วย Shrimp Tartar Wagyu Ndjua ทาร์ทาร์กุ้งสดที่เคียงมากับเนื้อวากิวและไส้กรอกเผ็ด ให้รสชาติเข้มข้นและเผ็ดเล็กน้อย ทุกคำล้วนปลุกประสาทรับรสและสร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้นมื้ออาหารได้อย่างน่าจดจำ



เมนูแรกของคอร์สคือ Langoustine Mi-Cuit ที่จัดวางอย่างประณีตบนซุปเย็น กัซปาโชฤดูใบไม้ผลิมอบความสดชื่นตั้งแต่คำแรก กลิ่นอายของดอกซากุระแทรกอยู่ใน ไข่ปลาแซลมอนหมักโชยุช่วยเสริมรสให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยความหวานละมุนจากข้าวโพดเขาใหญ่ ซึ่งทำให้จานนี้มีทั้งมิติของกลิ่น รส และสัมผัสอย่างสมดุล

มาที่ Chiba Flour & Shitake Brioche เสิร์ฟอุ่น ๆ คั่นระหว่างเมนู ที่มาพร้อมเนยฝรั่งเศสและเนยโนริรมควันจากสาหร่ายอะริอาเกะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสุดพิเศษที่มีเฉพาะในเซต Spring Guestronomic Journey เท่านั้น เพราะความพิเศษอยู่ที่สาหร่ายจากเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เพื่อคงไว้ซึ่งความสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด ให้กลิ่นหอมและรสชาติอันลุ่มลึก เคล้ากับเนยเนื้อละมุนอย่างลงตัว

ต่อด้วยเมนูสุดคลาสสิกที่ได้รับการตีความใหม่อย่างประณีตอย่าง Jean Larnaudie Foie Gras เสิร์ฟคู่กับอาร์ติโชกและซอสดาชิกลาสเคลือบน้ำส้มสายชู ซึ่งมอบความเปรี้ยวตัดเลี่ยนอย่างพอดี เพิ่มมิติและความลุ่มลึกให้กับจานนี้ด้วยชีสกรูแยร์บ่ม 24 เดือนที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ฟัวกราส์เนื้อเนียนนุ่มละลายในปากอย่างน่าประทับใจ เป็นอีกหนึ่งจานที่แม้จะคุ้นเคย แต่กลับทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ค้นพบอะไรใหม่ ๆ อีกครั้ง

ห้ามพลาดกับเมนู Ama Ebi เป็นอีกจานที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของฤดูกาลได้อย่างชัดเจน กุ้งหวานเนื้อสดจากทะเลญี่ปุ่น เสิร์ฟคู่กับดอกขิงดองที่ให้กลิ่นหอมซ่านเบา ๆ เคียงด้วยญ็อกกีเนื้อนุ่มสไตล์ฝรั่งเศส จัดวางอย่างลงตัวบนซอสนันทัวสูตรพิเศษที่มีความเข้มข้นและละมุนลิ้น ความหอมของสมุนไพรญี่ปุ่นช่วยชูรสให้จานนี้สดชื่นและกลมกล่อมจนยากจะลืม

หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของฤดูกาลนี้คือ Koji-Grilled Fukuoka Inada ปลาฮามาจิจากเมืองฟุกุโอกะที่ผ่านการหมักด้วยโคจิแล้วนำมาย่างอย่างพิถีพิถัน กลิ่นหอมของปลาที่สุกกำลังดีผสานกับรสชาติกลมกล่อมของมะเขือเทศกงฟีที่เคี่ยวอย่างช้า ๆ จนได้รสหวานนุ่ม เสริมด้วยซอสโพรวองซ์ที่มีกลิ่นอายฝรั่งเศสอย่างชัดเจน แต่ยังคงความละมุนตามแบบฉบับญี่ปุ่นได้อย่างงดงามในจานเดียว

เข้าสู่จานหลักอย่าง Hokokkaido Wagyu A4 Striploin หนึ่งในจานที่ผู้มาเยือนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยชื่อเสียงของเนื้อวากิวจากฮอกไกโดที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มละลายในปาก เชฟนำมาย่างอย่างพิถีพิถันจนได้ระดับความสุกที่สมบูรณ์แบบ เสิร์ฟคู่กับหัวหอมจากเกาะอะวะจิที่อบจนหอมหวานอย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มมิติด้วยซอสฟอยอตซาบายอนเข้มข้น และซอสมัสตาร์ดญี่ปุ่นที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จานนี้เปี่ยมด้วยรสสัมผัสที่ลงตัวและหรูหรา สมศักดิ์ศรีเมนูไฮไลท์แห่งฤดูใบไม้ผลิ


สำหรับผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อวัว ทางร้านมีอีกหนึ่งทางเลือกอย่าง Saddle of Lamb ซึ่งเลือกใช้เนื้อแกะส่วนคอที่ให้เนื้อสัมผัสนุ่มแน่นและรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟเคียงกับผักดองญี่ปุ่นชิบะซึเกะที่ให้รสเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม พร้อมด้วยซอสเครื่องเทศซาเตที่มอบกลิ่นอายแบบเอเชียอย่างน่าสนใจ ปิดท้ายด้วยกระเทียมนินนิคุเมะที่ช่วยชูรสและเพิ่มกลิ่นหอมให้กับจานนี้ได้อย่างมีมิติ

ก่อนเข้าสู่เมนูของหวาน ทางร้านเสิร์ฟเมนูล้างปาก Palate Cleanser ที่มีส่วนผสมของชาเขียวมัทฉะชั้นดี กลิ่นหอมละมุนและความขมปลายลิ้นช่วยรีเฟรชประสาทรับรสได้อย่างยอดเยี่ยม เตรียมลิ้นให้พร้อมสำหรับจานของหวานปิดท้ายอย่าง Dekopon Orange ที่นำเสนอรสชาติซิตรัสจากส้มเดโกปองในรูปแบบที่สดชื่นและสง่างาม เสิร์ฟพร้อมคัสตาร์ดเลมอนจากชะอำ แชนทิลลีวานิลลาเนื้อนุ่มละมุน และซาเบลมากาเดเมียกรุบกรอบที่เพิ่มมิติให้กับรสสัมผัสในทุกคำ



ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีการปิดท้ายอย่างงดงามด้วย Okashi หรือ Petit Four ที่แต่ละชิ้นแฝงกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิไว้อย่างแนบเนียน ทั้งเค้กชิ้นเล็กที่แต่งหน้าด้วยเปลือกส้มเชื่อม มาการองรสชาติสดชื่นที่กัดแล้วหอมละมุน คุกกี้รูปดอกซากุระที่ละลายในปากอย่างนุ่มนวล และบอนบอนสีชมพูที่ด้านในอัดแน่นด้วยไส้กาแฟหอมเข้ม ได้แรงบันดาลใจจากแคปซูลกาแฟ ซึ่งไม่เพียงสวยงามแต่ยังสร้างความประทับใจได้อย่างน่ารักในตอนจบอีกด้วย




ตลอดคอร์สอาหาร Spring Guestronomic Journey ทุกจานล้วนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะและเรื่องราว ทำให้มื้อค่ำนี้ไม่ใช่แค่การรับประทานอาหาร แต่เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้นึกถึงอยู่เสมอ ห้องอาหาร เอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ (Elements, Inspired by Ciel Bleu) บนชั้น 25 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ยังคงรักษาความละเมียดละไมในทุกรายละเอียดได้อย่างน่าชื่นชม และสำหรับใครที่อยากแวะมาลิ้มลองความประณีตในแบบฉบับจานเดียว ก็สามารถเลือกจากเมนู A la carte ที่ให้บริการเฉพาะวันพุธ – วันศุกร์ ได้เช่นกัน

Elements, Inspired by Ciel Bleu
- Location: โรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok)
- Opening Hours: ร้านเปิดวันพุธ – วันศุกร์ 18.00 น. – 22.30 น.
- Reservations: 02-687-9000 หรือ [email protected]
- Facebook: ElementsInspiredByCielBleu
- Instagram: @elements.inspiredby_ciel_bleu
- Website: www.okurabangkok.com