ใจกลางเจริญกรุงที่เปี่ยมเสน่ห์ไม่เคยเสื่อมคลาย คือที่ตั้งของร้านอาหารสไตล์ Fine Dining ที่มุ่งถ่ายทอดรสชาติเอเชียร่วมสมัยผ่านเทคนิคการปรุงอันประณีตและละเอียดละเมียด ด้วยความตั้งใจที่ไม่เพียงสะท้อนผ่านคอร์สเมนูเต็มรูปแบบเท่านั้น หากยังเปิดทางเลือก A la carte สำหรับผู้ที่อยากแวะมาสัมผัสบางจานโปรด พร้อมจิบเครื่องดื่มสักแก้วในบรรยากาศที่แสนสบาย และทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของร้านที่มีชื่อว่า Restaurant Solid
การตกแต่งภายในร้านสะท้อนแนวคิด Fine Dining ที่แฝงไว้ด้วยความเรียบง่ายแต่เปี่ยมรายละเอียด ผสมผสานกลิ่นอายความเก่าและความโมเดิร์นได้อย่างพอดี เฟอร์นิเจอร์เน้นโทนสีอบอุ่นตัดกับงานปูนและไม้ สอดรับกับโครงสร้างดั้งเดิมของอาคารเก่าที่มีอายุกว่า 100 ปีในย่านเจริญกรุง บรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกเหมือนหลบหนีจากความวุ่นวาย เข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวที่เงียบสงบแต่ยังคงเต็มไปด้วยรสนิยม
และเมื่อพูดถึงทีมเบื้องหลังความละเมียดละไมของแต่ละจาน ก็คงต้องเอ่ยถึงสองเชฟผู้ร่วมก่อตั้ง เชฟแนท ณริศรา และเชฟบาส นฤเบศร์ ซึ่งต่างมีประสบการณ์ผ่านครัวระดับมิชลินสตาร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ L’Atelier de Joël Robuchon, Sühring, Gaa และ Odette ทั้งคู่ร่วมกันนำเสนอรสชาติเอเชียในมิติใหม่ ๆ โดยไม่ละทิ้งกลิ่นอายของวัตถุดิบและความทรงจำที่เติบโตมาพร้อมกัน

สิ่งที่สะท้อนแนวคิดร่วมสมัยของ Restaurant Solid ได้อย่างชัดเจน คือความตั้งใจในการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่น ทั้งผัก สมุนไพร ชา และช็อกโกแลตไทย ซึ่งถูกนำมาร้อยเรียงใหม่ผ่านเทคนิคการปรุงที่ละเมียดละไม จนกลายเป็นเมนูที่ทั้งน่าสนใจและกินได้จริงในทุกองค์ประกอบ Tasting Menu ของร้านมีให้เลือกทั้งแบบ 5 คอร์ส และ 7 คอร์ส ซึ่งในครั้งนี้ SOtraveler ได้ลิ้มลองเซต 7 คอร์ส ที่เริ่มต้นอย่างเรียบง่ายแต่ชวนประทับใจด้วย Potato Cheese Bun แป้งกรอบบางรสชีสในตัว เสิร์ฟคู่ซอสเผ็ดสไตล์น้ำพริกเผาเค็มนิด ๆ ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีและชวนให้รอคอยคำถัดไปด้วยความคาดหวัง

ถัดจากคำแรกที่ทำหน้าที่เปิดประสาทสัมผัสได้อย่างลงตัว ก็ถึงคิวของ Snack ที่มอบประสบการณ์รสชาติแตกต่างกันอย่างชัดเจน คำแรกคือ Langs Tartlet จัดวางเป็นชั้นบนทาร์ตกรอบ ด้านล่างเป็นผักสมุนไพรไทยและเวียดนาม หอมกรุ่นข่าและพริก รสชาติเค็มเผ็ดละมุน ละลายในปากอย่างนุ่มนวล

ส่วนอีกคำคือ Crispy Rice with Blue Crab มาในรูปทรงดอกไม้ที่ทำจากเนื้อปูแน่นผสมข้าว ทอดให้กรอบ ด้านบนแต่งด้วยเจลรสมะนาว พริกเขียว และขมิ้นขาว รสเปรี้ยวสดชื่นและเผ็ดบาง ๆ ช่วยเสริมความครีมมี่ของเนื้อปูให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เป็นจานที่สะท้อนความซับซ้อนของรสชาติในคำเดียวได้อย่างน่าสนใจ

จากสองคำแรกที่วางรากฐานของรสชาติอย่างมั่นคง มื้ออาหารยังคงดำเนินต่อกับ Starter ที่นำเสนอความสดชื่นและละเมียดละไมในอีกมิติ จานแรกคือ Scallop ที่เบิร์นเบา ๆ รสชาติหวานธรรมชาติ เสิร์ฟคู่ลูกแพร์จีน แตงกวา และขิง เติมความกลมกล่อมด้วยซอสพอนสึเปรี้ยวบาง และน้ำมันพาสลีย์ที่เพิ่มกลิ่นเขียวสดให้อบอวล

อีกหนึ่งจานคือ Keiwe Andaman Fish เชฟเลือกใช้ปลาเก๋าลายดอก เนื้อแน่น เบิร์นผิวบางส่วน เสิร์ฟพร้อมโฟมกะทิ (Coco Blanco) และผักทอด กรุ่นกลิ่นแบบแกงกะทิไทยแต่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบร่วมสมัยที่ทั้งนุ่มนวลและกลมกลืน

เพื่อเชื่อมต่อรสชาติระหว่างจานเรียกน้ำย่อยและจานหลัก เชฟเลือกส่งซุปมาเป็นตัวคั่นจังหวะ Prawn Dumpling ที่ห่อแป้งบางใส่ไส้กุ้งแน่น เสิร์ฟในซุปงาคั่วหอมมัน รสละมุน คล่องคอ มีกลิ่นสมุนไพรบางอย่างช่วยแต่งกลิ่นให้กลมกล่อม และหยดน้ำมันพริกเสฉวนบาง ๆ บนผิวซุป ก็ช่วยเติมมิติความเผ็ดซ่าและกลิ่นเฉพาะตัวอย่างนุ่มนวล

เมื่อเข้าสู่จานหลัก เชฟยังคงรักษาความประณีตของรสชาติไว้ได้อย่างแนบเนียน เริ่มต้นด้วย Aged Duck Breast ที่ผ่านการดรายเอจสี่วัน ย่างจนผิวกรอบ แต่เนื้อด้านในยังคงความนุ่มฉ่ำไม่เหนียว เสิร์ฟเคียงซอสมะแขว่นรสเข้มข้นหอมเครื่องเทศ เสริมมิติด้วยเห็ดสามชนิดที่ให้กลิ่นและสัมผัสแตกต่างกันอย่างชัดเจน พร้อมด้วย Duck Legs Korokke ที่กรอบนอกนุ่มใน รสเข้มถึงใจ


อีกหนึ่งจานคือ Thai-Wagyu Yakiniku เสิร์ฟบนข้าวผัดสี่ชนิดที่คลุกกับดอกเกลือ หอมกลิ่นข้าว ผสานความเข้มของซอส Beef Jus สไตล์ยากินิกุ เพิ่มรสเปรี้ยวจัดจ้านจากกิมจิผักกาดเขียวมัสตาร์ดซ่อนอยู่ใต้เนื้อ และตบท้ายด้วยนัตโตะด้านบนที่แม้จะให้กลิ่นรสเฉพาะตัวที่แปลกใหม่ แต่ก็ช่วยเติมมิติให้จานนี้มีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างและน่าจดจำ

หลังจานหลักที่เข้มข้น เชฟเลือกปรับจังหวะของมื้อให้เบาสบายขึ้นด้วย Cleanser Plate ที่ทั้งสดชื่นและอร่อยเกินคาด Yoghurt Sorbet เสิร์ฟคู่เมลอนฉ่ำ ๆ เจลยูสุ ครัมเบิ้ลไวท์ช็อกโกแลต และน้ำส้มซ่า ให้รสเปรี้ยว ขม หวาน กลมกล่อมอย่างมีชั้นเชิง ช่วยล้างปากและคืนความสดชื่นให้ประสาทรับรส

ก่อนจะปิดท้ายด้วย Matcha I/C ทำจากมัทฉะชิซุโอะกะ (Shizuoka) เสิร์ฟบนไวท์ช็อกโกแลตจากฟาร์มในภูเก็ตผสมมอลต์ ด้านล่างเป็นโมจิถั่วแดง หวานนวล เคี้ยวหนึบ ให้ความรู้สึกแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ อย่างสมบูรณ์

และก่อนที่ม่านของมื้อนี้จะปิดลง เชฟเลือกเสิร์ฟ Petit Fours คู่กับแบล็กทีร้อน เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ยังคงเต็มไปด้วยรายละเอียด Chocolate Choux เข้มข้นแต่ไม่หวานจัด เคียงข้างด้วย Raspberry Financier รสเปรี้ยวเบา ๆ ที่ตัดรสกันได้อย่างพอดี เป็นคำเล็ก ๆ ที่ทิ้งท้ายความประทับใจไว้ได้อย่างอ่อนโยนและงดงาม

Restaurant Solid คือหนึ่งใน Fine Dining ที่ควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้ง ปิดท้ายมื้ออย่างสมบูรณ์แบบด้วยรายละเอียดที่ครอบคลุมทั้งรสชาติ เทคนิค และเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในแต่ละจาน ทุกคำล้วนสะท้อนความตั้งใจของเชฟแนทและเชฟบาสที่ต้องการถ่ายทอดรสชาติเอเชียในมิติใหม่ ผ่านวัตถุดิบท้องถิ่นที่ถูกนำมาตีความอย่างร่วมสมัย พร้อมเปิดพื้นที่ให้ฝีมือของเชฟไทยรุ่นใหม่ได้เปล่งประกายอย่างเต็มภาคภูมิ
Restaurant Solid
- Location: 1119 เจริญกรุง 43, สี่พระยา, บางรัก, กรุงเทพฯ 10500
- Opening Hours: เปิดบริการวันพุธ – วันจันทร์ เวลา 18.00 – 23.00น.
- Reservations: 081-647-9791
- Facebook: Restaurant-Solid
- Instagram: @solidbkk
- Website: https://restaurantsolid.com/