เสน่ห์ของอาหารอิตาเลียนอยู่ที่ความเรียบง่ายและรสชาติที่จริงใจ ซึ่งในฤดูกาลใหม่นี้ได้รับการตีความใหม่อย่างพิถีพิถันโดย ริวา เดล ฟีอูเม ริสตัวรอนเต (Riva del Fiume Ristorante) แห่งโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) ผ่านเมนูใหม่ล่าสุดที่สะท้อนหัวใจของการปรุงอย่างตั้งใจ ทุกจานล้วนใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากแหล่งที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ ถ่ายทอดด้วยเทคนิคที่เน้นความตรงไปตรงมาในแบบอิตาเลียน พร้อมบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยสายลมและสายน้ำ สร้างความรื่นรมย์ให้ทุกมื้ออาหารอย่างกลมกล่อม
เบื้องหลังเมนูใหม่ที่เปี่ยมด้วยรายละเอียดเหล่านี้ คือผลงานการสร้างสรรค์ของ เชฟแอนเดรีย แอคคอร์ดิ (Andrea Accordi) Executive Chef แห่งโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารอิตาเลียนระดับโลก ด้วยประสบการณ์และความหลงใหลในรากฐานของอาหารอิตาเลียน เชฟแอนเดรียได้นำองค์ความรู้ที่สั่งสมมายาวนานมาถ่ายทอดผ่านจานอาหารที่เปี่ยมด้วยรสนิยม เติมเต็มด้วยบรรยากาศอบอุ่นของมื้ออาหารที่ควรค่าแก่การแบ่งปันและจดจำ
ด้วยพื้นฐานที่มั่นคงจากความเชี่ยวชาญของเชฟแอนเดรีย เมนูใหม่ในครั้งนี้จึงได้รับการออกแบบอย่างละเอียดอ่อน ภายใต้แนวคิดที่เน้นความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึกในแบบอิตาเลียนแท้ เปิดโอกาสให้แขกได้เลือกสัมผัสประสบการณ์ในสองรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเมนู À la carte ที่หยิบสูตรดั้งเดิมจากหลายภูมิภาคมาถ่ายทอดใหม่ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพสูง หรือคอร์สเมนูตามฤดูกาล “Un Viaggio” ซึ่งแปลว่า “การเดินทาง” ที่เรียงร้อยรสชาติอย่างมีชั้นเชิง ผ่านมุมมองเฉพาะตัวของเชฟ
สำหรับมื้อนี้ SOtraveler ได้ลิ้มลองคอร์สเมนู “Un Viaggio” ที่ถ่ายทอดรสชาติของฤดูกาลผ่านมุมมองเฉพาะตัวของเชฟแอนเดรีย โดยเริ่มต้นอย่างน่าประทับใจด้วย Amuse Bouche ที่ทั้งสดใหม่และสร้างสรรค์ เริ่มจากคุกกี้อัลมอนด์กับโฟรเซ่นมอลต์ ตกแต่งด้วยเชอร์รี่เจลลี่และผักดองหลากสี ให้รสหวานเย็นชวนตื่น ต่อด้วยแครกเกอร์กรอบที่รองรับวิปครีมชาและเจลรสเปรี้ยว เติมความสดชื่นอย่างทันสมัย ตามด้วยคำเขียวสดจากควีนบีน เบซิล และซูกินี เสริมด้วยดอกไม้และสมุนไพร และปิดท้ายด้วยทาร์ตวานิลลาดำที่ซ่อนอูนิไว้ด้านใน เสิร์ฟในเปลือกหอยมุก พร้อมครีมเลมอนมัสคาโปนและเจลทะเล เป็นการเริ่มต้นที่ละเอียดอ่อนและเต็มไปด้วยจินตนาการ


คอร์สแรกเริ่มต้นอย่างมีจินตนาการกับ Tonno Tonnato ทูน่าอากามิทาร์ทาร์ที่จัดวางเป็นรูปปลาบนจานอย่างประณีต ดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็น รังสรรค์อย่างพิถีพิถันด้วย Kristal Caviar ซอสทอนนาโต้ เบอร์กาม็อต และเจลซิตรัสโทนเขียวขาว เสริมกลิ่นหอมของสมุนไพรสดเล็ก ๆ ที่ช่วยเติมมิติให้กับรสชาติ ทุกองค์ประกอบผสานกันอย่างพอดี จนกลายเป็นจานเรียกน้ำย่อยที่งดงามทั้งรสและรูป

จานถัดมา Capesante มอบความรู้สึกสดชื่นเบาสบายจากวัตถุดิบคุณภาพ หอยเชลล์ฮอกไกโดหมักอย่างบางเบาในน้ำมันใบมะเดื่อให้เนื้อสัมผัสหวานฉ่ำละลายในปาก จับคู่กับมะเขือเทศเชอร์รี่รมควันและเจลซิตรัสที่ช่วยชูรสให้โดดเด่น โรยเกล็ดน้ำแข็งรสเค็มและใบสมุนไพรสด แต่งเติมความสมดุลของจานที่ชวนให้นึกถึงฤดูร้อนริมทะเลอิตาลี

ต่อเนื่องด้วย Calamari ที่ชวนให้ตื่นตาไม่แพ้จานก่อนหน้า ปลาหมึกสดถูกหั่นเป็นเส้นบางคล้ายเส้นพาสต้า วางลงในซอสซิตรัสเนื้อเนียนนุ่มให้ความรู้สึกบางเบาแต่เปี่ยมด้วยรส ตัดกับไส้กรอกหมักแบบอิตาเลียน (‘Nduja) ที่เผ็ดนวลพอเหมาะ และไข่ปลาบดแห้ง (Bottarga) ที่เพิ่มความเค็มละมุนอย่างมีมิติ แต้มเลมอนดำบดและน้ำมันสมุนไพรสีเขียวสดเป็นลูกเล่น เติมความร่วมสมัยให้รสชาติที่คลาสสิกได้อย่างลงตัว

ถัดมาคือ Agnolotti, Ossobuco e Toma del Maccagno หรือราวิโอลีโฮมเมดสอดไส้เนื้อลูกวัวตุ๋นจนนุ่มละลายในปาก ประกอบด้วยชีสกึ่งแข็งจากแคว้นพีดมอนต์ (Toma del Maccagno) และซูกินีตุ๋นในสไตล์เจนัว ราดซอสเนยเนื้อบางที่เคลือบเส้นพาสต้าไว้อย่างพอดี ด้านบนโรยทรัฟเฟิลสดหั่นบาง เติมความหรูหราให้กับจานอย่างสมบูรณ์ ทั้งกลิ่น เนื้อสัมผัส และรสชาติล้วนประสานกันอย่างลงตัว

Gallinella di Mare ปลากะพงแดง (Red Gurnard) ย่างจนเนื้อแน่นฉ่ำนุ่ม จับคู่กับซอสกุ้งที่เคี่ยวจนได้รสเข้มข้น หอมหวาน แต่งแต้มด้วยซอสผักโขมเนื้อเนียนสีเขียวสด เพิ่มลูกเล่นให้จานอย่างโดดเด่น เสริมรสด้วยเทอรีนปลารวมกับมะเขือม่วงที่วางซ้อนกันเป็นชั้น ตกแต่งด้วยชีสพาร์มีจาโน (Parmigiano) ซอสพริกหยวกแดง และมันฝรั่งกรอบที่ช่วยเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัส จานนี้ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์และความตั้งใจในทุกรายละเอียดจากเชฟ

ปิดท้ายจานคาวด้วย Cappello del Prete Mayura M9 เนื้อวากิวส่วนโอสเตอร์เบลด (Oyster Blade) จาก Mayura Ranch ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความนุ่มและรสชาติที่ลุ่มลึก ผ่านการย่างถ่านอย่างพิถีพิถันจนได้ความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ แนมด้วยเห็ดจิโรล (Girolle Mushroom) หอมแดงจากเมืองโทรเปีย (Tropea) และมันฝรั่งเนื้อเนียนที่ตกแต่งอย่างประณีต ราดด้วยซอสเข้มข้นที่เติมเต็มรสชาติให้จานอย่างสง่างาม ทุกองค์ประกอบส่งเสริมกันอย่างแนบเนียน รังสรรค์เป็นจานหลักที่ให้ทั้งอารมณ์และรสสัมผัสในแบบอิตาเลียนร่วมสมัยอย่างแท้จริง

ก่อนเข้าสู่ขนมหวาน เชฟเสิร์ฟ Sgroppino เครื่องดื่มสไตล์เวนิสที่ผสานซอร์เบต์เลมอนกับวอดก้าและสปาร์กลิงไวน์ เติมความสดชื่นปลุกปลายลิ้นให้ตื่น พร้อมกระตุ้นประสาทสัมผัสให้พร้อมรับช่วงท้ายของมื้ออาหารอย่างมีชีวิตชีวา

จากนั้นจึงตามด้วย Panna Cotta วานิลลาพานาคอตต้ารูปดอกไม้ที่ชวนให้นึกถึงความเบิกบานของฤดูใบไม้ผลิ จับคู่กับลูกฟิกสด ถั่วพิสตาชิโอ (Bronte Pistachio) และซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รีที่เติมความเปรี้ยวหวานอย่างสดชื่น

ปิดท้ายด้วย Petit Four คำเล็ก ๆ อย่างเลมอนทาร์ตและคุกกี้อัลมอนด์ที่ซ่อนรสและรายละเอียดไว้อย่างประณีต เป็นฉากจบอันแสนละมุนของค่ำคืนแห่งรสชาติ

ไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันท่ามกลางแสงแดดระยิบระยับเหนือผิวน้ำ หรือมื้อค่ำใต้แสงเทียนที่โอบล้อมด้วยสายลมเย็นจากแม่น้ำเจ้าพระยา ริวา เดล ฟีอูเม ริสตัวรอนเต (Riva del Fiume Ristorante) ก็พร้อมพาทุกท่านออกเดินทางสู่หัวใจของอาหารอิตาเลียนอย่างแท้จริง ผ่านเมนูที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ถ่ายทอดความตั้งใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เมนูใหม่ในครั้งนี้เผยให้เห็นความใส่ใจทั้งในวัตถุดิบ เทคนิค และการจัดวางที่เรียบง่ายแต่น่าประทับใจ ทุกจานใน “Un Viaggio” เปรียบได้กับจุดหมายหนึ่งในการเดินทาง ที่เรียงร้อยกันเป็นบทกวีแห่งฤดูกาล ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์จากหัวใจของเชฟสู่ผู้ลิ้มลองอย่างแท้จริง
Riva del Fiume Ristorante
- Location:โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River)
- Opening Hours: ทุกวัน 12.00 น. – 14.30 น. / 18.00 น. – 22.30 น.
- Reservations: 02-032-0888
- Facebook: RivaDelFiume
- Instagram: @rivadelfiumebkk
- Website: https://www.fourseasons.com/bangkok/dining/restaurants/riva-del-fiume-ristorante/