ในโลกของไฟน์ไดนิ่ง ค่ำคืนหนึ่งอาจเป็นมากกว่าแค่มื้ออาหาร สามารถเป็นถึงบทกวีที่ร้อยเรียงผ่านวัตถุดิบ กลิ่น รส และเรื่องเล่าที่ซ่อนอยู่ในอาหารทุกจาน สำหรับค่ำคืนนี้ ความพิเศษนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Rasik Chiang Mai ร้านอาหารที่ได้รับการกล่าวถึงใน Michelin Guide จากแดนเหนือของไทย จับมือกับ Front Room Bangkok ห้องอาหารไทยโมเดิร์นแห่ง Waldorf Astoria Bangkok นำเสนอเซ็ตเมนู 6 คอร์สสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะจัดเพียงแค่สองวันเท่านั้น
ภายใต้ชื่อว่า “Rasik Chiang Mai x Front Room Bangkok” นี่คือการปะทะกันอย่างสร้างสรรค์ระหว่างสองเชฟที่มีวิธีคิดแตกต่างแต่เข้าใจรากลึกของอาหารไทยอย่างลึกซึ้งเชฟหวาย-สาละ ศักดาเดช จาก Rasik Chiang Mai ที่เชี่ยวชาญการใช้วัตถุดิบพื้นถิ่น และ เชฟอ้น-อธิติ ม่วงทอง แห่ง Front Room ที่ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบรสชาติไทยให้ร่วมสมัยและวิจิตรในทุกดีเทล
นี่อาจไม่ใช่การคอลแลปส์ตามเทรนด์ แต่คือการรังสรรค์บทสนทนาระหว่างอาหารเหนือและอาหารไทยสมัยใหม่ ที่เชื่อมโยงผ่านเทคนิค วิธีคิด และความเข้าใจในวัตถุดิบไทยอย่างลึกซึ้ง
🛎️ สถานที่: Front Room, Waldorf Astoria Bangkok
📅 วันที่: 27-28 มีนาคม 2568
🍽️ ราคา: THB 1,500++ (Lunch) / THB 2,500++ (Dinner)
และนี่คือรีวิวเมนูอาหารมื้อค่ำ ที่เราได้ลิ้มลองในค่ำคืนแห่งความทรงจำนี้
Amuse Bouche: ข้าวแต๋น อ่องปู ไข่ปลา (Crab Paste Cracker) เริ่มต้นมื้ออย่างนุ่มนวลด้วยรสชาติเข้มข้นของอ่องปูเค็มมัน ตัดด้วยสัมผัสกรอบของข้าวแต๋น และความเค็มนวลจากไข่ปลา ให้รสแบบไทยแท้แต่พรีเซนต์อย่างประณีต

To Start: อาหารเรียกน้ำย่อย 3 จาน ยำโต่งมะยงชิดกุ้ง (Yum Tong Mayongchid Goong)
สลัดมะยงชิดสดฉ่ำจับคู่กับกุ้งลายเสือและกุ้งแห้ง รสเปรี้ยวหวานเค็มเผ็ดซับซ้อนแบบยำโบราณ ได้กลิ่นอายตำรับชาววังแต่ออกแบบให้ทันสมัย

กระทงทองหลนปูครีมชีส (Kratong Thong Lon Pu Cream Cheese) ความละมุนของหลนปูผสานความมันของครีมชีส เสิร์ฟมาในกระทงทองกรอบพอดีคำ ตัดด้วยซอสเค็มหวานและกลิ่นน้ำพริกแบบเบา ๆ เข้ากันอย่างคาดไม่ถึง

แหนมเนื้อริบอายทรงเครื่อง (Naem Nuea Ribeye) หนึ่งในดาวเด่นของคอร์สนี้ — แหนมเนื้อริบอายที่มีรสเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม ท็อปด้วยเครื่องเคียงพื้นบ้านแบบล้านนา รสเข้มข้นแต่กลมกล่อม

Main Course: อาหารจานหลักเสิร์ฟทั้งหมด 4 จานด้วยกัน เริ่มด้วย ผัดหยวกกล้วยปลาหมึก (Pad Yuak Gluay Pla Muek) ที่ฉีกจากความเป็น “แกง” ด้วยการนำ หยวกกล้วย ไปทอดให้เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบเคี้ยวเพลินอย่างน่าแปลกใจ รสชาติแบบไทยๆ ที่ไม่จัดจ้าน แต่เน้นความกลมกล่อมของวัตถุดิบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะปลาหมึกที่สดเด้งและไม่คาวเลยแม้แต่น้อย จานนี้เหมือนเป็นสะพานพาเราเข้าสู่โลกของอาหารไทยในเวอร์ชันร่วมสมัย

แกงอ่อมไก่ (Gaeng Om Gai) ความน่าสนใจของจานนี้อยู่ที่การพา “แกงอ่อม” ที่มักเห็นในครัวเหนือที่เต็มไปด้วยเครื่องสมุนไพรแบบอัดแน่น มานำเสนอในรูปแบบที่หรูหราและใสสะอาดแต่ยังคงกลิ่นหอมของเครื่องสมุนไพรอย่างเต็มที่ น้ำซุปใสแต่มีกลิ่นตะไคร้ และผักชีลาวที่ชัดเจน พร้อมเกี้ยวไก่เนื้อนุ่มสุกกำลังดี ความประณีตอยู่ที่การบาลานซ์รสไม่ให้แรงเกินไปจนกลบรสชาติวัตถุดิบหลัก เรียกได้ว่าเป็น “ความใสที่มีมิติ”

แกงคั่วใต้ปลาไทยรมควัน (Gaeng Kua Pla) โดดเด่นไม่แพ้จานอื่นๆในเซตนี้ หากใครเป็นสายอาหารใต้แท้ๆ ต้องหลงรัก ด้วยกลิ่นรมควันของเนื้อปลาไทยที่หอมกรุ่นตั้งแต่ยังไม่วางจานลงบนโต๊ะ ผสานกับน้ำแกงคั่วใต้รสเผ็ดร้อนที่เข้มข้นและจัดจ้านถึงใจ แต่อยู่ในสัดส่วนที่กินได้แบบไม่ “ขมลิ้น” การนำเสนอที่ดูเรียบง่าย แต่รสชาติลุ่มลึกและทรงพลัง

น้ำพริกมะเขือเทศย่างกับหมูดำย่าง (Naam Phrik Ma-kueathed Gub Moo Dum Yang) จานนี้คือการเสิร์ฟ “น้ำพริก” ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการใช้ มะเขือเทศย่างไฟ มาทำเป็นน้ำพริกตำกับเครื่องแบบไทย เสิร์ฟคู่กับหมูคุโรบูตะย่างไฟหอมๆ เนื้อนุ่มฉ่ำ มีรสหวานตามธรรมชาติของหมูตัดกับน้ำพริกที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด และควันนิดๆ เหมือนกำลังได้กินอาหารเย็นที่บ้านในวัยเด็ก แต่ถูกยกระดับให้เข้ากับคอร์สไฟน์ไดนิ่งอย่างไร้รอยต่อ

Dessert: ไอศกรีมกะทิ กะปิทรงเครื่อง (Ice Cream Kati Kapi Song Khrueang) ความเซอร์ไพรส์ของค่ำคืนนี้ ไอศกรีมกะทิหอมมันที่ท็อปด้วยกะปิคั่วและเครื่องเคียงแบบอาหารคาว ให้รสชาติซับซ้อนทั้งหวาน เค็ม มัน และเย็นในคำเดียว

ทองพลุกล้วยบวชชี (Thong Plu Gluay Buad Chee) ชูว์แป้งบางกรอบ เสิร์ฟพร้อมมูสกล้วยและมะพร้าว หอมหวานแบบพอดี ตบท้ายด้วยไอศกรีมมะพร้าวอบแห้งที่ให้ความเป็นไทยอย่างสง่างาม

และเมื่อจบคอร์ส เชฟได้เสิร์ฟ เปอร์ติตโฟร์ (Petit Four) แบบไทยๆ ปิดท้ายอย่างน่ารัก เติมเต็มค่ำคืนด้วยความละเมียดละไมที่ผสมผสานกลิ่นอายไทยดั้งเดิมกับความประณีตของการจัดวางในแบบ Fine Dining ได้อย่างละเมียดละไมและทรงเสน่ห์

การ Collaboration ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะในการรังสรรค์อาหารที่มากกว่ารสชาติ แต่เป็นเรื่องราวและอัตลักษณ์ของวัตถุดิบไทยที่ถ่ายทอดผ่านเทคนิคระดับไฟน์ไดนิ่ง หากพลาดงานนี้ไป คงต้องรอลุ้นว่า Rasik Chiang Mai และ Front Room จะมีโปรเจกต์พิเศษอะไรในครั้งต่อไป
- โทรศัพท์: +66 (0) 2846 8888
- LINE: @WaldorfAstoriaBKK
- Direct Message (DM): ผ่าน Instagram ของ @frontroombkk