กลับมาอีกครั้งกับรสชาติฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ผสมผสานกลิ่นอายความคลาสสิกริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างลงตัว ที่ ห้องอาหารปามมิเย่ บาย กิโยม กาลิโอ (Palmier by Guillaume Galliot) ห้องอาหารฝรั่งเศสแห่งโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) ซึ่งครั้งนี้นำเสนอเมนูใหม่จากฝีมือเชฟระดับมิชลิน ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของรสชาติแบบ Brasserie Française ไว้อย่างครบถ้วน พร้อมเพิ่มลูกเล่นให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น


ภายใต้บรรยากาศของ Modern French Brasserie ที่อบอุ่นและมีวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นฉากหลัง มื้อพิเศษครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ SOtraveler ได้กลับมาเยือนอีกครั้ง และเรารู้สึกประทับใจยิ่งกว่าเดิม ทั้งในด้านรสชาติ การนำเสนอ และรายละเอียดของแต่ละจานที่สะท้อนถึงความตั้งใจในทุกขั้นตอน ทั้งหมดนี้ทำให้ Palmier by Guillaume Galliot ยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับคนรักอาหารฝรั่งเศสอย่างแท้จริง

เบื้องหลังความสำเร็จของ Palmier by Guillaume Galliot คือเชฟกิโยม กาลิโอ (Chef Guillaume Galliot) เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดาวจากห้องอาหาร Caprice แห่ง Four Seasons Hong Kong ผู้มากประสบการณ์ในครัวฝรั่งเศสชั้นสูงทั่วโลก ถ่ายทอดแนวคิดของตนผ่านรสชาติที่ผสมผสานความคลาสสิกกับความร่วมสมัยได้อย่างงดงาม ร่วมกับ เชฟคีธ เชียง (Chef Keith Cheung) Chef de Cuisine ผู้ถ่ายทอดฝีมือด้วยความแม่นยำและละเอียดละเมียดจนทุกจานเต็มไปด้วยรสชาติและสมดุลที่ลงตัว

เริ่มต้นประสบการณ์มื้อนี้ด้วยหลากหลายเมนูไฮไลต์ที่เชฟตั้งใจนำเสนออย่างประณีตอย่าง Smoked Salmon เสิร์ฟพร้อมครีมซอสสมุนไพรและผักสดกรอบ เติมความสดชื่นเบา ๆ ให้กับรสชาติ ต่อด้วย Pan-Seared Scallops หอยเชลล์ย่างจนผิวกรอบหอม แต่ยังคงความหวานฉ่ำภายใน ซอสซิตรัสกลิ่นส้มบางเบาช่วยขับรสให้สมดุลยิ่งขึ้น เป็นการเริ่มต้นที่ละเมียดละไมและต่อเนื่องอย่างลงตัว


เสิร์ฟแบบอลังการกับ Seafood Tower (La Petite) ที่อัดแน่นด้วยวัตถุดิบทะเลสดใหม่ ทั้งล็อบสเตอร์ หอยนางรม กุ้ง และหอยเชลล์ จัดเสิร์ฟในถาดน้ำแข็งแบบฝรั่งเศสแท้ เติมความสดชื่นและกลิ่นอายทะเลเข้ามาอย่างพอดี ก่อนต่อด้วย Pan-Fried Foie Gras with Port Wine Sauce ฟัวกราส์เนื้อแน่นทอดจนผิวสีทองหอมละมุน ราดด้วยซอสไวน์พอร์ตเข้มข้นและโรยพิสตาชิโอเพิ่มเท็กซ์เจอร์หอมมัน เป็นช่วงต่อเนื่องที่ลื่นไหลและสร้างจังหวะของมื้ออาหารได้อย่างสวยงาม


ต่อเนื่องด้วยเมนูซุปคลาสสิกอย่าง Classic Onion Soup ที่เชฟเลือกใช้หัวหอมฝรั่งเศสสไลซ์บาง เคี่ยวช้า ๆ จนเกิดความหวานธรรมชาติ เติมไวน์ขาวและสต็อกเนื้อเพิ่มมิติของรส ก่อนปิดท้ายด้วยชีส Comté อบจนเยิ้มบนขนมปังกรอบ กลิ่นหอมละมุนชวนให้นึกถึงความอบอุ่นแบบ Comfort Food ฝรั่งเศสแท้ ถ่ายทอดอย่างละเมียดละไม

เข้าสู่เมนูหลักที่ร้อยเรียงต่อกันอย่างลงตัว เริ่มจาก Duck À L’orange หนังเป็ดกรอบเนื้อแน่นซึมซับซอสส้มหวานอมเปรี้ยวได้อย่างกลมกล่อม ถัดมาเป็น Trofie Pasta with Crab Meat พาสต้าสดผัดกับเนื้อปูแน่นคลุกเคล้าซอสครีม เติมความละมุนให้มื้ออาหาร และ Catch of the Day, Provence Style ปลาสดเนื้อแน่นเสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศและหอยแมลงภู่ในซุปสมุนไพรฝรั่งเศส กลิ่นหอมอบอวลชวนให้เพลิดเพลิน



ถัดมาเป็นเมนู Boeuf Bourguignon, Red Wine Sauce เนื้อวัวตุ๋นไวน์แดงที่นุ่มละมุนจนแทบละลายในปาก เคลือบด้วยซอสไวน์เข้มข้นรสลึกและกลิ่นหอมของสมุนไพรฝรั่งเศสอย่างลงตัว ต่อด้วย Poulet Rôti with Morel & Creamy Sauce ไก่อบที่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำเกินคาด เสิร์ฟพร้อมซอสครีมเห็ดมอเรลเข้มข้น เคียงด้วย Mixed Salad with Vinaigrette, Mashed Potatoes with Butter และ Sautéed French Beans with Garlic & Butter ที่ช่วยเสริมความกลมกล่อม


ช่วงของหวานเปิดฉากด้วย Clafoutis aux Fruits ขนมอบผลไม้ฝรั่งเศสที่อบจนหอมกรุ่น กลิ่นอัลมอนด์และเนยสดอบอวลในอากาศ โรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลซ์กรอบและน้ำตาลไอซิ่งบางเบา ก่อนต่อด้วย Classic Crème Brûlée ที่ผิวคาราเมลบางกรอบแตกราวเสียงดนตรี เมื่อแตะช้อนลงไปจะได้สัมผัสคัสตาร์ดเนียนนุ่มละมุนละไม ราวกับความหอมหวานปิดท้ายมื้อที่ค่อย ๆ ละลายไปในความทรงจำ


ถัดมาเป็น Tarte aux Pommes, Vanilla Ice Cream ทาร์ตแอปเปิ้ลกลิ่นหอมอบอุ่นจากการอบจนกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่ไอศกรีมวานิลลาแท้จากฝักมาดากัสการ์ เพิ่มความละมุนและสดชื่นในคำเดียว รสเปรี้ยวหวานตัดกันอย่างพอดี ก่อนปิดมื้อด้วย Petits Fours มาการองสีสดและช็อกโกแลตโดมเนื้อเนียนที่ทิ้งรสหวานละเมียดไว้เป็นคำอำลาแห่งมื้ออาหาร


แต่ความประทับใจยังไม่จบเพียงเท่านี้ ก่อนกลับเรายังได้แวะต่อที่ Café Madeleine คาเฟ่บรรยากาศสบายในบริเวณเดียวกัน เพื่อสัมผัสเสน่ห์ของเมนูขนมหวานรุ่นใหม่ที่เชฟรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต เริ่มจาก Raspberry Twinkle ซอฟต์เสิร์ฟวนิลลาผสานสตรอว์เบอร์รี่ เสริมด้วยมาการองพาสชันฟรุตและซอสคาราเมลเกลือ ต่อด้วย Caramel Crunch ที่โดดเด่นด้วยราสป์เบอร์รี่สดและไวท์ช็อกโกแลตเพิร์ล และปิดท้ายด้วย Vanilla Affogato กลิ่นหอมเข้มของเอสเพรสโซ่ร้อนราดบนซอฟต์เสิร์ฟวนิลลา หรือสามารถเปลี่ยนเป็นมัตจะได้หากไม่ดื่มกาแฟ สร้างบทสรุปที่อ่อนโยนและละมุนใจให้กับช่วงบ่ายริมเจ้าพระยา


ทุกจานในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและการพัฒนาของทีมเชฟได้อย่างชัดเจน ทั้งในรายละเอียดของซอส การเลือกวัตถุดิบ และการจัดจานที่งดงามประณีต รสชาติที่แต่ละองค์ประกอบสอดประสานกันอย่างกลมกล่อมทำให้มื้ออาหารครั้งนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว และสำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะของอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย ห้องอาหารปามมิเย่ บาย กิโยม กาลิโอ (Palmier by Guillaume Galliot) แห่งโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River) คือจุดหมายที่ควรกลับมาสัมผัสอีกครั้งในฤดูกาลใหม่นี้


Palmier by Guillaume Galliot
- Location: โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา (Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River)
- Opening Hours: เปิดบริการวันอังคาร – วันอาทิตย์ 11.30 – 14.30 น. | 18.00 – 22.00 น.
- Reservations: 02-032-0888
- Facebook: FourSeasonsHotelBangkok
- Instagram: @palmierbkk
- Website: https://www.fourseasons.com/bangkok/dining/restaurants/palmier-by-guillaume-galliot/







