บทใหม่ของห้องอาหารอลาตี้ (ALATi) แห่งโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok) เปิดฉากด้วยคอนเซ็ปต์ไฟและควันที่ชัดเจนและน่าสนใจ จากห้องอาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่เราคุ้นเคย สู่การใช้ไฟเป็นหัวใจของการปรุงอาหาร ผ่านการย่าง การรมควัน และการเคี่ยวช้า ๆ บนเตาถ่าน แต่ละจานคือการตีความใหม่ของรสชาติ ที่พาเราย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นของการทำอาหารด้วยความเรียบง่ายและเวลา ไม่ใช่เพียงการอัปเดตเมนู แต่คือการกำหนดตัวตนใหม่ของห้องอาหารอย่างแท้จริง
แนวคิด “Grill, Fire, Smoke” จึงถูกร้อยเรียงเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ และค่อย ๆ กลายเป็นภาษาประจำตัวของห้องครัว ที่เล่าเรื่องผ่านความร้อน การย่าง และความหอมของควัน จังหวะของไฟที่ค่อย ๆ เดินทางผ่านวัตถุดิบ คือสิ่งที่ ALATi ต้องการให้แขกทุกคนได้สัมผัส ตั้งแต่ความพอดีของเนื้อ ไปจนถึงความละมุนที่ยังฉ่ำในทุกคำ ความงดงามของแนวคิดนี้อยู่ที่ความพอดีของไฟ ไม่เร่งรีบ ไม่รุนแรง แต่ค่อย ๆ เปิดเผยแก่นแท้ของรสชาติออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ความคิดอันละเอียดอ่อนนี้ถูกขับเคลื่อนโดย เชฟฟิลลิป เทย์เลอร์ (Chef Phillip Taylor) ผู้ซึ่งเริ่มต้นเส้นทางในครัวด้วยฉากหลังจากโลกวิทยาศาสตร์ ก่อนก้าวขึ้นเป็น Executive Chef ที่สั่งสมประสบการณ์จากห้องครัวระดับโลกในลอนดอน เซี่ยงไฮ้ บาหลี และกรุงเทพฯ ในค่ำคืนนี้ เรารับรู้ได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดของเขาในทุกการปรุง และความศรัทธาว่า “ไฟและเวลา” คือเครื่องมือที่ซื่อสัตย์ที่สุดของครัวจริง ๆ
มื้อค่ำเริ่มต้นด้วย Amuse Bouche ที่จับคู่ทั้ง Tomato Tea ที่อุ่นนุ่มไหลผ่านลำคอ ทิ้งรสละมุนและความสงบเหมือนปลายฤดูร้อน ในขณะที่ Parmesan Biscuit ให้ความกรอบแน่นและความเค็มหอมของชีสบนปลายลิ้น จากนั้นขนมปังทั้งสามชนิดอย่าง Sweet Potato Soft Roll, Baguette และ Rye Sourdough เข้ามารับช่วงต่อ เติมความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง เนื้อสัมผัสที่หลากหลายตั้งแต่ความนุ่มละมุนไปจนถึงแน่นเคี้ยวเพลิน เป็นการตั้งจังหวะให้มื้ออาหารเดินทางเข้าสู่คอนเซ็ปต์ของไฟอย่างเป็นธรรมชาติ



เข้าสู่เมนูเรียกน้ำย่อยที่เริ่มเปิดมิติของควันและความละเมียดกับ Smoked Angus Beef Tartare ที่ให้ความเข้มและลุ่มลึกของเนื้ออย่างประณีต ลื่นไหลผ่านลิ้นด้วยความนุ่มหวานธรรมชาติ ในขณะที่กลิ่นควันบางคลออยู่เบื้องหลังอย่างแผ่วเบา จากนั้นคือ Smoked Chicken Liver Parfait ที่เนียนละลายแทบไม่ต้องเคี้ยว ให้ความรู้สึกเข้มข้นแต่ไม่หนัก ราวกับความนุ่มเงียบของค่ำคืน และปิดท้ายด้วย House Cold-Smoked Salmon ที่เย็นและนิ่งสงบ ทั้งรสและสัมผัสเหมือนกำลังได้ยินเสียงควันกระซิบอยู่ไกล ๆ เป็นช่วงเวลาที่รสชาติเริ่มเปิดเผยตัวตนขึ้นทีละน้อย
เพิ่มความเข้มข้นขึ้นด้วยเมนูต่อมาอย่าง Amaebi Prawn Tartare ที่ให้ความหวานนุ่มละมุนแบบทะเลสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งรสชาติและความละมุนเผยตัวชัดเจนในทุกคำ ราวกับการสัมผัสแรงลมอ่อน ๆ ริมชายฝั่ง จากนั้นเมื่อ Smoked Chilled Ponzu Broth ถูกเทลงมารวมกัน ความเย็นใสของซุปนี้ก็ซึมลึกเข้าสู่ทุกองค์ประกอบ ล้างเพดานปากอย่างนุ่มนวล เปิดพื้นที่ให้รสชาติใหม่เข้ามา ความสดชื่นปนโทนควันแผ่ว และความสมดุลแบบญี่ปุ่นทำให้ช่วงเวลานี้เหมือนการเปลี่ยนผ่านจากปลายฤดูร้อนสู่ใบไม้ร่วงอย่างละเอียดอ่อน
จากนั้นเข้าสู่จานหลักซึ่งไฟรับบทเป็นพระเอกอย่างแท้จริงกับเมนู Slipper Lobster with Angel Hair คำแรกสัมผัสถึงความหวานและความนุ่มของเนื้อกั้งที่เคียงข้างด้วยเส้นพาสต้าที่เคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อยบนลิ้น เหมือนความเคลื่อนไหวของคลื่นที่ค่อย ๆ ซัดเข้าฝั่ง

และเมื่อเข้าสู่ Wagyu 8+ T-Bone ความนุ่มฉ่ำของเนื้อที่ค่อย ๆ แตกตัวบนลิ้น พร้อมกลิ่นไหม้จากการย่างไฟถ่านที่พอดี ทำให้ทุกคำชัดเจน นุ่มนวล และเต็มไปด้วยรสของการย่างอย่างมีชั้นเชิง
เสริมรสชาติของเมนูจานหลักด้วย Grilled Baby Vegetables ที่มอบความหวานตามธรรมชาติของผักย่างบนไฟถ่านอย่างเรียบง่ายและสบายใจ จากนั้น Avocado Guacamole เข้ามาเติมความนุ่มครีมมี่ที่ช่วยทำให้รสชาติทั้งหมดกลมขึ้นอย่างพอดี เป็นจังหวะที่ช่วยปรับสมดุลของมื้ออาหาร ให้ทั้งความเข้มและความสดของรสชาติเดินไปด้วยกันอย่างลงตัว

พลาดไม่ได้กับของหวานอย่าง Strawberry & Watermelon ให้ความสดชื่นเบาสบาย คล้ายการล้างเพดานปากด้วยผลไม้ฉ่ำอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้น Chocolate & Banana เข้ามาด้วยความเข้มแน่นแบบดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายไปพร้อมความหวานอุ่นของกล้วยได้อย่างลงตัว ก่อนจะปิดท้ายด้วย Pineapple & Vanilla ที่หอมแบบทรอปิคอล มีความนุ่มละมุนของวานิลลา เป็นจังหวะที่ให้ความอ่อนโยนและผ่อนคลาย เหมือนทิ้งท้ายมื้อค่ำอย่างสบายใจ



และหากพูดถึงประสบการณ์ที่สะท้อนคอนเซ็ปต์ไฟและควันได้อย่างเต็มอารมณ์ ห้องอาหารอลาตี้ยังมี Sunday Brunch ในทุกวันอาทิตย์แรกและสุดท้ายของเดือน ตั้งแต่เวลา 12.00–15.30 ที่เปิดโอกาสให้แขกได้ลิ้มรสกุ้งล็อบสเตอร์ หอยนางรม ซีฟู้ดสด รวมถึงจานย่างร้อน ๆ แบบไม่จำกัด ทุกสิ่งถูกนำเสนอผ่านแนวคิด “Grill, Fire, Smoke” อย่างชัดเจน ทำให้วันอาทิตย์ธรรมดากลายเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย อร่อย และน่าจดจำ
ค่ำคืนนี้ที่ห้องอาหารอลาตี้ (ALATi) แห่งโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok) จึงไม่ใช่เพียงการรับประทานอาหาร แต่เป็นช่วงเวลาที่ได้สัมผัสบทสนทนาอันเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งระหว่างไฟ วัตถุดิบ เวลา และความตั้งใจของเชฟฟิลลิป เทย์เลอร์ (Chef Phillip Taylor) การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการปรับภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการปรับโทนรสชาติและวิธีคิดของห้องอาหารไปสู่ตัวตนใหม่ที่ชัดเจน มั่นคง และเต็มไปด้วยหัวใจของการทำอาหารอย่างแท้จริง
ALATi Bangkok
- Location: ชั้น 1 โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok)
- Opening Hours: ทุกวัน เวลา 17.30 – 24.00น.
- Reservations: 02-162-9000 | Email: [email protected]







