J’AIME by Jean-Michel Lorain (แฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์) ห้องอาหารฝรั่งเศสมิชลินสตาร์ ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมยู สาทร กรุงเทพฯ โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในที่ไม่ซ้ำใครในรูปแบบ “Upside Down” เป็นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสลับจากบนลงล่าง เพิ่มความหรูหราภายในห้องอาหารด้วยคริสตัล พร้อมเลาจน์และการต้อนรับอย่างอบอุ่น จนเราอดใจไม่ไหวต้องชวนผู้อ่านมาสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้
ห้องอาหารนี้รังสรรค์เมนูด้วยเชฟ Jean-Michel Lorain (ฌอง-มิเชล โลรองต์) จากห้องอาหารเลอค็อตส์เซนต์ฌาร์ค ภายใต้การดูแล และควบคุมคุณภาพจากเชฟคู่ใจ เชฟอเมริโก้ ติโต เซสทิ ปัจจุบันบริหารโดยทายาทรุ่นที่สาม คุณมารีน โลรองต์ บุตรสาวของ เชฟฌอง- มิเชล โลรองต์ โดยสร้างสรรค์เมนูจากวัตถุดิบนำเข้าจากเมืองนอกผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยให้ออกมาในสไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัย ผสมผสานการบริการสไตล์ห้องอาหารฝรั่งเศสเข้ากับวัฒนธรรมการแบ่งปันบนโต๊ะอาหารแบบชาวเอเชีย ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ชิมอาหารได้หลากหลายเมนูมากยิ่งขึ้น
PICNIC LUNCH MENU
สำหรับครั้งนี้ เรามาสัมผัสประสบการณ์มื้อกลางวันที่ทางห้องอาหารรังสรรค์ขึ้นมาในคอนเซ็ปต์ของมื้อปิคนิค เริ่มต้นตั้งแต่การตกแต่งบนโต๊ะอาหารด้วยสวนจำลองเล็ก ๆ ผ้ารองจานลายสก๊อตสีสันสดใส พร้อมพัดไม้ไผ่สาน จำลองว่าเรากำลังการนั่งปิคนิคในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เปิดความอร่อยด้วยการเรียกน้ำย่อยกับขนมปังคอมพลิเมนทารี่หลากหลายแบบ ทั้งเชียบัตต้า, ไรย์วีต,โฮลวีต และขนมปังลูกเกด เสิร์ฟบนภาชนะหวายมัดสานขนาดใหญ่ ให้เราได้มองเห็นขนมปังแต่ละแบบได้อย่างชัดเจน โดยนำมาทานคู่กับ น้ำมันอกเป็ด แมคคาเดเมียครีม และยังมีน้ำมันมะกอกและเนยสดเป็นตัวเลือกให้เลือกทานกันตามความชอบ
เริ่มต้นเมนูแรกด้วย Cashew nut veloute, macerated cherry tomato and ginkgo, yogurt sphere, onion flowers ซุปเวลูเต้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เวลูเต้เป็นเมนูขึ้นชื่อของฝรั่งเศส ปรุงโดยการเคี่ยวน้ำสต็อกกับมะเขือเทศและโยเกิร์ตจนเนื้อมีความข้น เสิร์ฟพร้อมกับแปะก๊วยและกะหล่ำดอกให้สัมผัสเคี้ยวกรุบกรึบ รสชาติซุปกลมกล่อม หอมหวานมัน มีรสเปรี้ยวธรรมชาติจากมะเขือเทศเล็กน้อย เข้ากันดีลงตัวมาก
ตามด้วยเมนู Eggplant, Caviar, ceviche มะเขือยาวและคาเวียร์แบบเซบิเช เป็นการปรุงวัตถุดิบที่มีความสดและมีคุณภาพสูง โดยไม่ใช้ความร้อนในการทำให้อาหารสุก เป็นการลดการเผาไหม้และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอาหาร เซบิเชจะมีความเด่นของรสเปรี้ยว เสิร์ฟคู่กับไข่ปลาคาเวียร์ โดยจะมีความพิเศษที่เชฟได้ใช้ผักปลังและใบชะครามของไทยซึ่งเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นมาร่วมปรุงในเมนู รสชาติเปรี้ยวนำหวานเค็มให้ความรู้สึกสดชื่น
อีกหนึ่งเมนูแนะนำ Cucumber, seaweed and coriander salad, “self-made granite” สลัดแตงกวาฝาน สาหร่าย เสิร์ฟคู่กับกรานิเต้แช่แข็งจากการมารีเนตของผักทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน การรับประทานเชฟแนะนำให้ใช้ส้อมขูดเกล็ดกรานิเต้แล้วทานคู่กับสลัดแตงกวา จะช่วยชูรสชาติกันและกันได้ดี
ต่อกันด้วยเมนูปลา Black pomfret and giant crab lump, leek, jicama and sea pineapple bouille ปลาจะละเม็ดดำเสิร์ฟคู่กับหอมแดง ต้นกระเทียม มันแกว และ sea pineapple ที่มีลักษณะคล้ายหอยโฮยะ เนื้อปลาสด ส่วนซอสโฟสจะปรุงโดยการใช้มันแกวอินฟิวส์กับเปลือกหอยโฮยะ เมนูนี้มีเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย รสชาติหวานมันเค็ม มีกลิ่นหอม
และเมนูเมนคอร์สอีกหนึ่งเมนูได้แก่ Phetchabun duck, forest scarpinocc, chayote chlorophyll, garlic emulsion เนื้ออกเป็ดเพชรบูรณ์ปรุงด้วยการสโลว์คุก ความร้อนจะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ตัวเนื้อ ทำให้เป็ดยังคงมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำ มีการเซียหนังเพื่อให้มีความกรอบ โดยเสิร์ฟพร้อมกับพูเรคลอโรฟิลล์ที่มาจากยอดฟักแม้วที่มีสรรพคุณทางด้านโภชนาการสูง นำมาปรุงให้สุก แล้วบดให้มีเนื้อที่เนียนละเอียด เสิร์ฟพร้อมกระเจี๊ยบ ยอดมะระและอิมัลชันกระเทียม
ปิดท้ายความอร่อยด้วยเมนูของหวาน Mille-fauille “Napoleon” มิลย์เฟย์ ของหวานคลาสสิกของฝรั่งเศส ใช้แป้งพัฟเพสตรีอบจนฟูสลับชั้นกับบัตเตอร์ครีม ด้านข้างตกแต่งด้วยอัลมอนด์สไลซ์อบ ด้านบนท็อปด้วยผลไม้หลากชนิด
และ Dark Prachuap chocolate, palm caramel and soy source ดาร์คช็อกโกแลตจากประจวบคีรีขันธ์ มีการนำเสิร์ฟแบบ 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นช็อกโกแลตที่มีความกรอบ และชั้นบนจะเป็นช็อกโกแลตที่มีความนุ่มและหนึบ เสิร์ฟคู่กับคาราเมลน้ำตาลมะพร้าวและซอสถั่วเหลือง
ส่วนเครื่องดื่มชวนสดชื่น เราขอแนะนำ J’AIME breeze เครื่องดื่มที่มีเบสจากน้ำผลไม้แอปริคอท Alain Milliat นำเข้าจากฝรั่งเศส ผสมกับกลิ่นวานิลลา น้ำผึ้ง และน้ำแร่อัดลม Perrier classic และอีกหนึ่งเมนู Wake me up เป็นเครื่องดื่มที่เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ด้วยส่วนผสมหลักที่มาจากสับปะรด แครนเบอร์รี่ น้ำมะนาวและน้ำผึ้ง มีรสชาติหอมหวานมีความเปรี้ยวผสมเล็กน้อย
เราขอชื่นชมทั้งการบริการ ความเอาใจใส่ของพนักงาน ความสร้างสรรค์ของมื้ออาหาร และรสชาติอันยอดเยี่ยม แนะนำว่าต้องแวะมากันให้ได้ ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เป็นมื้ออาหารที่คุ้มค่าคุ้มราคา ควรค่าแก่การแวะมาทาน สมกับการที่ได้ดาวการันตีจากมิชลินไกด์จริง ๆ
J’AIME by Jean-Michel Lorain
เปิดให้บริการอาหารมื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 12:00 น. – 14:30 น. และอาหารมื้อค่ำ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. – 21:30 น. (ร้านปิดให้บริการวันอังคาร และวันพุธสำหรับมื้อกลางวัน)
ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเปิดให้บริการอาหารมื้อสาย (Sunday Brunch) ตั้งแต่เวลา 12:00 น. – 15:00 น.
- email: [email protected]
- website: www.Jaime-Bangkok.com