ชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่โดดเด่นและไม่เหมือนใครที่ Restaurant Int (@restaurant_int) ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนชั้นรูฟท็อป ในซอยสุขุมวิท 20 ท่ามกลางความคึกคักของกรุงเทพมหานคร การออกแบบภายในของร้านนี้ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัย สร้างบรรยากาศที่ทั้งหรูหราและอบอุ่น ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษหรือการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือระดับ
โดยครั้งนี้เรามาลิ้มลอง Chapter 3: Yesteryear คอร์สเมนูล่าสุดที่สร้างสรรค์โดย เชฟน็อค-พัทธ์อินทร์ พรหมสวัสดิ์ เชฟที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์มากมายในวงการอาหาร เชฟน็อคมีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์อาหารที่ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารที่ล้ำสมัยเข้ากับวัตถุดิบคุณภาพสูง เพื่อถ่ายทอดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร เมนูนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่าเรื่องราวของรสชาติจากอดีตในรูปแบบที่ทันสมัยและน่าตื่นเต้น โดยเชฟน็อคได้นำเสนออาหารคลาสสิกในแนวทางใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก SOtraveler จะพาทุกท่านไปสัมผัสกับประสบการณ์อาหารที่สะท้อนถึงความรักและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ของเชฟน็อค และทีมงานที่ Restaurant Int ทำให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเดินทางผ่านรสชาติของอดีตในรูปแบบที่ทันสมัยและหรูหราอย่างที่คุณอาจจะไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน
Amuse-Bouches
มื้ออาหารเริ่มต้นด้วยการตีความใหม่ของรสชาติไทยในรูปแบบของ ปลาช่อนทะเล (Cobia Fish) ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ปลาช่อนทะเลถูกนำมาแปลงโฉมเป็นทอดมันปลากรายและน้ำจิ้มอาจาด ในรูปแบบแป้งทาร์ตที่มีส่วนผสมของพริกแกงที่ใช้ในทอดมันปลา ท็อปด้วยเครื่องยำที่หั่นเป็นรูปเต๋า และเนื้อปลาที่นำไปหมักกับคอมบุสไลด์เสิร์ฟในสไตล์ซาชิมิ ทำให้ตัวเนื้อปลามีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น เกิดรสที่ลุ่มลึกสมบูรณ์แบบ เข้ากับเจลลี่น้ำอาจาดแตงกวา
ต่อด้วย ปูม้า (Blue Crab) นำเสนอในรูปแบบของเมนูหลนปู ด้านในจะเป็นเนื้อปูม้าที่นำไปคลุกกับกะทิ ไวน์ขาวและเครื่องหลน บรรจุในแป้งสีดำที่ปรุงออกมาในรูปแบบ Zeppole หรือโดนัททอดสไตล์อิตาเลียน ท็อปด้วยคาเวียร์ฝรั่งเศสและขมิ้นขาว ทำให้จานนี้มีความหรูหราและซับซ้อนมาก การผสมผสานของความหวานจากปู ความครีมมีของกะทิ และรสเค็มจากคาเวียร์ ทำให้แต่ละคำเต็มไปด้วยความแตกต่างทั้งในด้านเนื้อสัมผัสและรสชาติ
คำที่สามเป็นการนำ ใบชะมวง (Cowa Leaves) มานำเสนอรสชาติไทยแท้ที่แตกต่างจากที่เคยเห็นด้วยการตีความใหม่ของแกงหมูชะมวงในรูปแบบที่เป็นชิ้นพอดีคำ ตัวทาร์ตมีส่วนผสมของพริกแกงแดงและบีทรูทสีสันสดใสที่ด้านในประกอบไปด้วยแกงหมูชะมวงที่ผ่านการสโลว์คุก เพียวเรใบชะมวง ท็อปด้วยลำไยที่หมักกับเมล็ดมัสตาร์ดดอง ให้ความหวานตามธรรมชาติช่วยบาลานซ์ความเผ็ดของแกง จานนี้รวมรสชาติไทยดั้งเดิมในรูปแบบที่ทันสมัยและแปลกใหม่ได้ดี
Appetizer
เริ่มด้วย ขนมปังและเนย (Bread & Butter) เป็นการนำเสนอเมนูอาหารไทยด้วยการสร้างสรรค์ใหม่ที่ทันสมัย ขนมปังนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสามเมนูได้แก่ ขนมไข่เต่า ซาลาเปาทอด และขนมจีบโบราณ เนื้อด้านนอกกรอบและเนื้อด้านในนุ่ม ให้รสชาติที่คุ้นเคยและยกระดับให้กับประสบการณ์การรับประทานอาหารมื้อนี้ให้พิเศษมากกว่าที่เคย
ต่อด้วย หอยเชลล์ฮอกไกโด (Hokkaido Scallops) นำเสนอในรูปแบบของยำทวาย เมนูโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สร้างสรรค์ให้พิเศษมากยิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานรสชาติไทยเข้ากับวัตถุดิบญี่ปุ่น ล่างสุดของจานเป็นซอสที่มีส่วนผสมของพริกแกงแดงที่นำไปเคี่ยวกับกะทิ ปลาแห้งญี่ปุ่น และยูสุ วางด้วยหอยเชลล์ที่หมักด้วยซิตรัส และสลัดผักตามฤดูกาล จานนี้นำเสนอความหวานของหอยเชลล์ด้วยรสชาติสดชื่นของยูสุและความกลมกล่อมของซอสในสไตล์ยำทะวายได้อย่างยอดเยี่ยม
อร่อยกับต่อกับ เนื้อหมู (Textures of Pork) เมนูซิกเนเจอร์ของเชฟที่หลายคนชื่นชอบตั้งแต่ Chapter 1 เป็นการหยิบยกเอาเมนูสตรีทฟู้ดที่หลายคนชื่นชอบอย่าง “หมูกระทะ” มาสร้างสรรค์ใหม่ให้เป็นผลงานศิลปะทางด้านอาหาร ที่ประกอบไปด้วยทั้งเทอรีนหมู คอหมูย่าง และส่วนประกอบต่างๆ ที่เสิร์ฟในมื้อหมูกะทะ จานนี้เป็นการตีความอาหารที่หลายคนคุ้นเคยให้ออกมาได้อย่างซับซ้อนและคาดไม่ถึง แต่ละองค์ประกอบตั้งแต่หมูที่นุ่มไปจนถึงซอสพริกที่เปรี้ยว ช่วยสร้างรสชาติที่ลงตัวให้กับเมนูนี้ได้อย่างประทับใจ ผสมผสานกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ยกนิ้วให้แบบไม่มีลังเล
ต่อมาคือเมนู แก้มปลาเก๋า (Groupers Cheeks) ที่นำเสนอมาในรูปแบบต้มส้มแก้มปลาเก๋า เป็นต้มส้มไทยที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น โดดเด่นด้วยแก้มปลาเก๋าที่นำไปทำปรุงและห่อในรูปแบบให้คล้ายกับฮะเก๋า เสิร์ฟในน้ำซุปที่ปรุงจากกระดูกปลา ไวน์ขาวและสมุนไพรที่หลากหลาย ความเปรี้ยวจากน้ำมะขามช่วยบาลานซ์ความเข้มข้นของน้ำซุปปลา ทำให้เป็นจานที่ให้ความรู้สึกสบาย โล่งคอ พร้อมที่จะเข้าสู่เมนคอร์ส
Main Courses
จานหลักจานแรก ปลาหมีกสเปน (Spainish Octopus) เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลาหมึกผัดไข่เค็มแบบดั้งเดิม แต่ได้ถูกนำมาปรับเปลี่ยนให้เป็นเวอร์ชันที่ทันสมัยและสร้างสรรค์มากขึ้น โดยหมึกจะถูกสโลว์คุกเป็นเวลานานถึง 5 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ความนุ่มและรสชาติที่ลึกซึ้ง ข้าวบาร์เลย์ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักจะถูกปรุงในรูปแบบรีซอสโตคลุกเคล้ากับสมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม พร้อมซอสไข่เค็มและโฟมพอนสึ ท็อปด้วยไข่แดงเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมและสัมผัสที่หลากหลาย เมื่อทุกอย่างรวมกันจะได้รสชาติที่ลงตัวและเต็มไปด้วยความนุ่มละมุน
ต่อด้วยเมนูที่มีให้เลือกระหว่าง เนื้อวากิวและปลากะพง สำหรับใครที่เลือก เนื้อวากิวนิวซีแลนด์ (New Zealand Wagyu Beef) จะได้รับเสิร์ฟเป็นเมนูที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากเกาเหลาเนื้อ เนื้อวากิวราดด้วยซอสไวน์แดงที่เคี่ยวยาจีน เพื่อให้มีความเข้มข้นและรสชาติคล้ายกับน้ำซุปเกาเหลาเนื้อ พร้อมเพียวเรคะน้าผสมกับสมุนไพรจีน เพิ่มความหลากหลายของรสชาติ พริกน้ำส้มถูกเปลี่ยนเป็นซอสเจล เพื่อเพิ่มความเปรี้ยวและรสเผ็ด เสิร์ฟคู่กับเค้กข้าวและลูกชิ้นวากิว เมื่อทานทุกอย่างรวมกันจะได้รับความรู้สึกเหมือนกินเกาเหลาเนื้อที่เต็มไปด้วยรสชาติและความลงตัว
ในส่วนของ ปลากะพง (French Sea Bass) เสิร์ฟในเมนูที่ได้แรงบรรดาลใจมาจากแกงคั่วหัวปลา โดยใช้ปลากะพงจากฝรั่งเศสคองฟีกับสมุนไพรไทยอย่างพิถีพิถัน จานนี้เสิร์ฟพร้อมกับแจงลอนและซอสที่ทำจากกระดูกปลาเคี่ยวกับกะทิ เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อม ข้าวบาสมาติคซึ่งเป็นข้าวในรัชกาลที่ 5 ถูกใช้เพื่อเพิ่มความหอมและความหลากหลายของเนื้อสัมผัส
Desserts
ล้างปากด้วยเมนูที่ปรุงจาก อ้อย (Sugar Cane) เล่นกับความสดชื่นของน้ำตาลอ้อยที่ผสมกับผงวุ้นไอโยวจนออกมาเป็นเยลลี่เนื้อหนึบ พร้อมองค์ประกอบจากน้ำผึ้งและองุ่นเขียว เพิ่มความสดชื่นและความหวานที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์
ตามด้วย ข้าวหลาม (Khao Lam) เป็นการตีความใหม่ของขนมไทยโบราณที่ได้รับการนำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย ข้าวหลามถูกนำมาทำเป็นไอศกรีมรสข้าวหลามที่หอมหวานและมีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รวมถึงพิวเรถั่วแดงที่เพิ่มความหวานและความลื่นไหลให้กับขนม ในขณะที่พราลีนมะพร้าวทำให้ได้สัมผัสกรุบกรอบที่น่าสนใจ การรวมกันของทุกองค์ประกอบนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ขนมหวานที่มีการเล่นกับรสชาติและสัมผัสอย่างสนุกสนาน
ก่อนจะปิดท้ายด้วย Petits Fours ที่ให้ความรู้สึกของความหวานอันละเอียดอ่อนและการนำเสนอที่สวยงาม
การนำเสนอ Chapter 3 Yesteryear ของ Restaurant Int ถือว่าทำได้อย่างน่าสนใจ เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัย ผ่านการสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร แต่ละจานได้ถ่ายทอดความหมายของอาหารดั้งเดิมในรูปแบบที่แปลกใหม่ ชวนให้ทุกคนได้ค้นพบความลึกซึ้งของรสชาติและประสบการณ์ที่มีค่าแห่งการรับประทานอาหาร ซึ่งจะทำให้ทุกคนที่มาที่นี่ได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใครและเต็มไปด้วยความประทับใจ
Reservation Details
📍 Restaurant Int
📞 Call: 093-256-9995
🌐 Line: @int.restaurant
⏰ Open: Thursday – Tuesday, 17:30 – 23:00
📱 Facebook: Restaurant Int
📷 Instagram: @restaurant_int