สัมผัสประสบการณ์ระดับตำนาน โดยเชฟ Gordon Ramsay ที่ Bread Street Kitchen & Bar Bangkok

โด่งดังกันมาสักพักแล้ว กับร้าน Bread Street Kitchen & Bar Bangkok อีกร้านอาหารที่น่าจับตามองจากเกาะอังกฤษ โดยเซเลบริตี้เชฟชื่อดัง กอร์ดอน แรมเซย์ (Gordon Ramsay) ชื่อนี้การันตีความอร่อยและคุณภาพแน่นอน คราวนี้ได้รับความร่วมมือจาก ธนจิรา กรุ๊ป (Tanachira Group) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ไลฟ์ไตล์และแฟชั่นลักซ์ชัวรีชั้นนำของประเทศไทย ที่ตั้งใจที่จะลุยธุรกิจ F&B อย่างจริงจัง พร้อมยกความอร่อยมาเสิร์ฟให้ถึงที่ กับสาขาแรกในประเทศไทย ภายในศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ (Emsphere) ที่นักชิมตัวยงอย่างเรา ไม่พลาดที่จะไปลิ้มลองอย่างแน่นอน

ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ร้าน Bread Street Kitchen & Bar Bangkok ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าสู่ Bread Street Kitchen & Bar ที่ถนน Bread Street ซึ่งเป็นสาขาแรกที่เปิดในกรุงลอนดอน ทั้งเรื่องของการตกแต่ง ที่ให้กลิ่นอายคล้ายกันตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องลายหมากรุก ที่นั่งสีเหลืองโดดเด่นที่แทบจะเป็น Signature ในทุก ๆ สาขา รวมถึงบรรยากาศต่าง ๆ ภายในร้าน แต่สิ่งที่อาจจะแตกต่างไปจากสาขาอื่น ๆ คงจะเป็นการต้อนรับอย่างกันเอง ในแบบไทย ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าร้านเลย

กล่าวถึงเมนูอาหารในวันนี้ ที่จะได้ลิ้มลองกันบ้าง เริ่มต้นมื้ออาหารสุดพิเศษนี้ ด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Caesar Salad ที่เราอาจคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ที่พิเศษคือการที่เชฟเลือกใช้แอนโชวี่ขาว (White Anchovies) แทนที่จะใช้แอนโชวี่น้ำตาลแบบทั่วไป ซึ่งจะให้รสชาติที่ละมุนกว่า ไม่เค็มโดดจนเกินไป ตามมาติด ๆ ด้วย Spicy Tuna Tartare หน้าตาสวยงาม กับทูน่าหั่นเต๋าคลุกเคล้าด้วยซอสโชยุ และน้ำมันงาหอม ๆ เพิ่มเลเยอร์ด้านล่างเป็นอะโวคาโดบด และท็อปด้านบนด้วยเส้นทอดที่ถูกทำจากแผ่นเกี๊ยว โรยปิดท้ายด้วยผงปลาแห้ง เมื่อทานพร้อมกันทั้ง 3 เลเยอร์ ให้รสชาติที่ผสมผสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี ตัวทูน่ากลมกล่อม หอม และอร่อยเป็นอย่างมาก

ปิดท้ายเมนูเรียกน้ำย่อยด้วยเมนูซุปสุดเข้มข้นอย่าง Green Pea Soup with Pancetta ซึ่งเป็น New Seasonal Menu ของทางร้าน ที่เชฟเลือกนำเอาถั่วลันเตา มาทำเป็นซุป พร้อมโรยด้านบนด้วยหัวหอมทอด และแพนเชตต้า (Pancetta) ตัดรสชาติไม่ให้ซุปถั่วลันเตาถ้วยนี้ เลี่ยนจนเกิดไปเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่เมนูถัดไปได้อย่างพอดีและลงตัว

ถึงเวลาเข้าสู่เมนูจานหลัก เริ่มต้นด้วย Pork Belly เมนูหน้าตาคล้ายข้าวหมูกรอบบ้านเรา แต่ต่างกันตรงที่เชฟเลือกใช้ข้าวบาสมาติ (Basmati) ที่เราคุ้นเคยกันในอาหารอินเดีย ด้วยข้าวที่มีลักษณะเป็นเม็ดยาว และกลิ่นเฉพาะตัว นำมาหุงกับกะทิ พร้อมด้วยซอสเขียวหวานที่ราดด้านบน เมื่อทานคู่กับหมูสามชั้นอบกรอบ ที่กรอบได้ใจมาก ทำให้เมนูนี้มีรสชาติหลายมิติ จนน่าประทับใจจริง ๆ แวะมาพักท้องด้วยจานปลากันหน่อย กับเมนู Steamed Snapper กับปลากระพงแดงนึ่ง ที่นึ่งได้อย่างพอดี ท็อปด้วยกุ้งผัดกระเทียม และต้นถั่วแขก พร้อมเพิ่มรสชาติด้วยซอส Lobster Vinaigrette ถือเป็นการช่วยพักท้องอย่างดีเยี่ยมเลย

เข้าสู่เมนูที่เชื่อว่าทุกท่านรอคอยอย่าง Beef Wellington เมนูซิกเนเจอร์ (Signature) ของเชฟกอร์ดอน แรมเซย์ ที่ไม่ว่าใครแวะมา ก็ควรสั่งมาลิ้มลองสักครั้ง สำหรับเมนูนี้ ทางร้านจะเสิร์ฟเป็นจานสำหรับ 2 ท่าน ที่บอกเลยว่าแชร์กัน 3-4 ท่านได้สบาย เพราะขนาดที่ใหญ่พอตัว เมนูนี้เชฟเลือกนำเนื้อสันในออสเตรเลียอย่างดีมาอบ ก่อนจะห่อด้วยเห็ดป่าบด (Duxelles) ผัดไวน์แดงและใบไธม์กับน้ำมันทรัฟเฟิลในชั้นแรก ก่อนจะพันทับด้วยแป้งพัฟหอมนุ่มสำหรับชั้นด้านนอก ไม่จบเท่านั้น เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับซอสไวน์แดง ผักวอเตอร์เครส เบบี้แครอท ที่โรยด้วยเครื่องเทศกลิ่นเจือจาง และมันบดจานโต เรียกว่าเป็น Beef Wellington ที่สมคำร่ำลือและสมการรอคอยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่อบจนนุ่มละมุน แทบจะละลายในปาก แป้งพัฟด้านนอกก็กรอบ และหอมกลิ่นทรัฟเฟิลมาก ยิ่งเมื่อราดด้วยซอสไวน์แดงด้วย จะทำให้ทุกส่วนผสมอร่อย กลมกล่อมและลงตัวเป็นที่สุด 

ปิดท้ายมื้อสุดวิเศษนี้กับเมนูของหวานที่ยากจะลืมลงอย่าง Sticky Toffee Pudding กับคลาสสิกพุดดิ้งเนื้อนุ่ม ให้รสหวานเหมือนทอฟฟีจากผลอินทผาลัมอบแห้ง เสิร์ฟมาคู่กับซอสคาราเมลและไอศกรีมนมรสกลอมกล่อม เป็นเมนูขนมที่ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์กับรสชาติมาก ไม่หวานบาดคอ ทานง่าย และทานอร่อย จนอยากให้คะแนน 100/10 เลย และอีกหนึ่งของหวานกับรสชาติที่เราคุ้นเคยอย่าง Coconut Sticky Rice ที่ได้ไอเดียการสร้างสรรค์จากข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งเรียกว่าเป็นเมนูประจำฤดูร้อนของไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยมะม่วงน้ำดอกไม้สุก เสิร์ฟคู่กับพุดดิ้งข้าวเหนียวและซอร์เบท์ลิ้นจี่ ท็อปด้วยมะม่วงคาราเมลและมะม่วงบัตเตอร์ ที่แสนจะเข้ากัน เรียกว่าเป็นอีกเมนูที่ชวนให้สดชื่น และปรับให้เข้ากับความเป็นไทยได้ดีจนน่าชื่นชมมาก

ถือว่าการได้มาเยือน Bread Street Kitchen & Bar Bangkok ในครั้งนี้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งทางเชฟกอร์ดอน แรมเซย์ (Gordon Ramsay) และ ธนจิรา กรุ๊ป (Tanachira Group) ร่วมมือกันสร้างผลงานออกมาได้ดีจนน่าประทับใจมาก และจะเฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปลิ้มลองเมนูอื่น ๆ ที่ Bread Street Kitchen & Bar Bangkok อีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะประทับใจไม่ต่างจากนี้อย่างแน่นอน

Bread Street Kitchen & Bar Thailand  

• Location: ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ (Emsphere)
• Opening Hours: ทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00น.
• Reservations: 063-268-9991
• Social Media: @breadstreetkitchenthailand